สืบท่าพระรวบแล้ว! สองหนุ่มลักมือถือคนงานก่อสร้างบ้านอดีตผู้ประกาศข่าวสาวช่องดัง

จากกรณี น.ส.นิลลยา พูลภัทรชีวิน อดีตผู้ประกาศข่าวช่อง 3 โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวกรณีถูกคนร้ายรมยาสลบและบุกเข้าไปขโมยโทรศัพท์มือถือในแคมป์คนงาน จำนวน 3 เครื่องบริเวณซอยเพชรเกษม 16 แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพ เมื่อคืนวันที่ (22 ก.ย.) ที่ผ่านมา ซึ่งมีกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายจำนวน 2 คน ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 26 ต.ค. พ.ต.อ.ไตรรัตน์ เพ็งนู ผกก.สน.ท่าพระ พ.ต.ท.กล้าณรงค์ นิลฑมร รอง ผกก สส.สน.ท่าพระ พ.ต.ท.ไพจิตร คำบาล สว.สส.สน. ท่าพระ นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ท่าพระ เข้าจับกุมตัว นายวุฒิกร แสนสุข อายุ 21ปี และนายไตรรัตน์ ดอกนารี อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ 526/2565 ลงวันที่ 21 ต.ค.65 จับกุมได้ที่ กลางซอยจรัญสนิทวงศ์ 3 แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ จับกุมได้พร้อมของกลาง รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก 150 ไอ สีฟ้าซึ่งเป็นรถคันที่ใช้ก่อเหตุ

จากการสอบสวนทราบว่าเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมาได้มีนายวุฒิกร (ผู้ต้องหา)เป็นคนขับขี่และมีนายไตรรัตน์(ผู้ต้องหา) เป็นผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ก่อนจะขี่วนดูลาดเลาบ้านพักจุดเกิดเหตุ ภายในแคมป์คนงานซึ่งอยู่ระหว่างการต่อเติมและสร้างบ้านพัก ของนางสาวนิลลยา (ผู้เสียหาย) ซึ่งเป็นอดีตผู้ประกาศข่าวช่อง 3 ที่ตั้งใจจะสร้างบ้านหลังดังกล่าวเพื่อไว้ให้พ่อและแม่พักอาศัย กระทั่งนายวุฒิกรและนายไตรรัตน์ ได้เข้าไปก่อเหตุ และมีสุนัขที่เลี้ยงไว้คล้ายถูกยาสลบ เกิดได้สติจึงตรวจดูทรัพย์สิน ก่อนพบว่าโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อออปโป้ ถูกคนร้ายลักไปจำนวน 3 เครื่องจึงเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สน.ท่าพระ

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง2รายให้การรับสารภาพทุกข้อหา โดยนายไตรรัตน์(ผู้ต้องหา) เคยประกอบอาชีพก่อสร้าง มาก่อนจึงเลือกลงมือตามสถานที่ก่อสร้าง ส่วนเงินที่ได้มาจะเอาไปซื้อยาบ้าเสพ แต่ยืนยันว่าไม่ได้วางยาสลบแต่อย่างใด จากการตรวจสอบประวัติของนายไตรรัตน์(ผู้ต้องหา)พบว่าเคยถูกจับกุมคดีลักทรัพย์ พื้นที่ สน.ภาษีเจริญ และเพิ่งจะพ้นโทษออกมาได้ 1 เดือนกว่าๆ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อพ้นการจับกุม” ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน. ท่าพระ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป