ตำรวจไซเบอร์ แนะแนวทางป้องกันภัย 15 ประการ มิจฉาชีพแฮกข้อมูลบัญชีดิจิตอลแพลตฟอร์มส่วนบุคคล นำไปใช้หาประโยชน์ในทางมิชอบสร้างความเสียหาย

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชอาญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) ขอเรียนประชาสัมพันธ์เตือนภัยมิจฉาชีพแฮกข้อมูลบัญชีดิจิตอลแพลตฟอร์มส่วนบุคคลไปใช้ในทางมิชอบหรือใช้ในการกระทำความผิด สร้างความเสียหาย

จากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอข่าวมียูทูปเบอร์รายนึงถูกมิจฉาชีพแฮกข้อมูลบัญชีของช่องYouTube จากนั้นทำการลบคลิปและขโมยข้อมูลของช่องสร้างความเสียหาย โดยกรณีลักษณะดังกล่าวมีสื่อภายในประเทศและสื่อต่างประเทศ ได้นำเสนอเกี่ยวกับอาชญากรรมในลักษณะการแฮกข้อมูลบัญชีดิจิตอลแพลตฟอร์มส่วนบุคคล หรือการหลอกลวงเพื่อขโมยข้อมูลส่วนบุคคล(Identity Theft) ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจาก บัญชี YouTube บัญชี Facebook รวมถึงข้อมูลบัตรประชาชน บัตรเครดิต หรือข้อมูลเกี่ยวกับการเงินต่างๆ ไปใช้หาประโยชน์ในทางมิชอบ

พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เห็นความสำคัญและมีความห่วงใยประชาชนถึงภัยการหลอกลวงต่างๆจากมิจฉาชีพโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมผ่านสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวนปราบปรามตามขั้นตอนกฎหมาย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับไปยังทุกหน่วย ที่เกี่ยวข้องทุกพื้นที่ ให้เร่งสร้างการรับรู้ประชาสัมพันธ์ถึงภัยผ่านสื่อสังคมออนไลน์ทุกรูปแบบ พร้อมช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกมิจฉาชีพหลอกลวง รวมถึงให้เร่งทำการสืบสวนสอบสวนปราบปรามและดำเนินคดีมิจฉาชีพอย่างจริงจังต่อเนื่อง มีผลการปฎิบัติเป็นรูปธรรม

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามโยบายของรัฐบาล และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ในทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดจึงได้กำชับสั่งการทุก       กองบังคับการในสังกัด เร่งดำเนินการสืบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างจริงจัง ให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม รวมถึงสร้างการรับรู้ สร้างภูมิคุ้มกัน ไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 5 เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ มีโทษ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 7 เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  มาตรา 9 แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น มีโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงความผิดในฐานอื่นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งในฐานความผิดดังกล่าวเป็นความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายจะต้องเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนในท้องที่ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด

โฆษก บช.สอท. กล่าวต่ออีกว่า ขอฝากไปถึงผู้ใช้บัญชีดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ หมั่นตรวจสอบการตั้งค่าเรื่องความปลอดภัยของบัญชีตนเองเพื่อไม่ให้มิจฉาชีพแฮกบัญชีหรือขโมยข้อมูลส่วนบุคคลไปสร้างความเสียหาย

                พร้อมขอฝากประชาสัมพันธ์ถึง แนวทางป้องกัน 15 ประการ ดังนี้

1.ป้องกันข้อมูลส่วนตัวให้ปลอดภัยข้อมูลส่วนตัวมีโอกาสถูกขโมยได้ทุกเมื่อ ควรเก็บรักษาข้อมูลให้ปลอดภัยอยู่เสมอ

2.เปิดเผยข้อมูลด้วยความระมัดระวังควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ทุกครั้งก่อนเปิดเผยข้อมูล

3.เปลี่ยน Passwordให้ยากต่อการคาดเดาควรตั้งรหัสผ่านอย่างน้อยมี 8 ตัวอักษรและมีตัวเลขผสมกันหรือใช้ Password manager สำหรับจัดเก็บชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน

4.ใช้อีเมลสำรองควรใช้อีเมลสำรองแทนอีเมลส่วนตัวสำหรับการรับข่าวสารหรือข้อมูลอื่นๆ ที่ไม่สำคัญ

5.บริหารและจัดการแอปพลิเคชันที่ไม่ใช้ตรวจสอมแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนที่ไม่ใช้งานและทำการลบเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูล

6.โหลด Application จาก Official Store แอปพลิเคชันมนสมาร์ทโฟนควรโหลดจาก Official Store หรือแหล่งที่น่าเชื่อถือเพื่อป้องกันแอปพลิเคชันปลอม

7.ไม่ผูกบัตรเครดิตออนไลน์ไม่ควรมันทึกข้อมูลมัตรเครดิตไว้บนเว็มไซต์เพราะมีความเสี่ยงในการถูกขโมยจาแฮกเกอร์

8.ระมัดระวังในการใช้ Social Mediaตรวจสอมรายชื่อเพื่อน หรือบุคคลอื่นที่อยู่ในรายชื่อ เพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดี

9.ล็อคหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนอยู่เสมอ ควรตั้งค่าล็อคหน้าจอและสร้างรหัสผ่านเพื่อรักษา ความปลอดภัยของสมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์ของคุณ

10.ตรวจสอบการ แชร์โลเคชัน ควรปิดการแซร์โลเคชัน เมื่อไม่ได้ใช้งานและระมัดระวังการแซร์โลเคชัน

11.ปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติ ปิดการเชื่อมต่อ Wi-Fi และ Bluetooth อัตโนมัติ เมื่ออยู่ในที่สาธารณะ

12.หมั่นอัปเดต Software อยู่เสมอ ควรอัปเดต software ใหม่ๆ เพื่ออุดช่องโหว่

13.กำหนดสิทธิ การเข้าถึงข้อมูลจำกัดสิทธิ์ของการเข้าถึงข้อมูลของแอปพลิเคชันเพื่อความปลอดภัย

14.หมั่นสำรองข้อมูลอยู่เสมอ ช่วยป้องกันข้อมูลและลดความเสียหายจากการถูกแฮกเกอร์ ขโมยและเรียกค่าไถ่ข้อมูล

15.จัดทำแผนสำรอง เมื่อถูกขโมยข้อมูลจัดทำแผนกู้คืนข้อมูลและวิธีจัดการเมื่อถูกขโมยข้อมูล

ทั้งนี้หากพบเบาะแสการกระทำผิด สามารถติดต่อไปยังสายด่วนตำรวจไซเบอร์ หมายเลข 1441 หรือ 081-866-3000 ตลอด 24 ชม. และแจ้งความออนไลน์ที่เว็บไซต์ Thaipoliceonline.com หรือเดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุโดยตรง พนักงานสอบสวนจะทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไปยังธนาคาร เพื่อทำการยับยั้งการธุรกรรมชั่วคราวของบัญชีคนร้ายโดยเร็ว