จากกรณี นายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล หรือ “ลุงศักดิ” หรือ “ลุงศักดินาเสื้อแดง” อายุ 62 ปี ก่อเหตุบุกทำร้ายร่างกาย นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย บริเวณอาคารศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) ขณะกำลังยืนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนร้องเรียน บก.ปอท. เรื่องการแสดง “เดี่ยว 13” ของ โน้ส อุดม แต้พานิช ตามที่มีการนำเสนอไปก่อนหน้านี้
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 ต.ค. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.1 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุมนายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล หรือ ลุงศักดิ์ อายุ 62 ปี ตามหมายจับศาลแขวงดุสิต ที่ 185/2654 ลงวันที่ 22 พ.ย.2564 ข้อหา “ทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เกิดแก่กายหรือจิตใจผู้อื่น” ได้ที่บริเวณลานจอดรถอาคารมาลีนนท์ ทาวเวอร์ แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ขณะที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กำลังเชิญแกนนำกลุ่มแรงงานที่ได้รับความเดือนร้อนจากโรงงานผลิตชุดชั้นในปิดตัวลง จนต้องมาจัดกิจกรรมชุมนุมที่บริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล เข้ามาหารือยังชั้น 3 ตึก กพร. ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับปัญหา ระหว่างนั้น ได้มีนายวีรวิชญ์ ผู้ต้องหารายนี้ซึ่งยืนดักรออยู่ที่ด้านล่างของอาคารเดินตรงปรี่เข้าไปตบหัว และ ชกหน้าอกของ นายเสกสกล ซึ่งหลังเกิดเรื่อง นายเสกสกล จึงส่งตัวแทนเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ดุสิต ท้องที่เกิดเหตุ จนมีการออกหมายจับ กระทั่งนำมาสู่การจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวน นายวีรวิชญ์ ให้การรับสารภาพว่าทำจริง แต่ขอตำหนิเจ้าหน้าที่ตำรวจสักนิดว่า หลังเกิดเหตุครั้งนั้นตนได้ไปมอบตัว พร้อมลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่าหากคู่กรณีต้องการจะดำเนินคดีกับตน ให้โทรศัพท์แจ้งตนด้วย จะได้กลับมามอบตัว แต่หลังจากวันนั้นกลับไม่มีการติดต่อใดๆกลับมา และไม่ทราบว่ามีการแจ้งความ หรือ แม้กระทั่งการออกหมายเรียก จนมามีการออกหมายจับดังกล่าว ยืนยันว่าไม่เคยหนี พร้อมมอบตัวอยู่แล้ว
“ส่วนตัวยืนยันว่าไม่เคยมีอคติ กับ นายเสกสกล แต่เพราะเคยเป็นคนเสื้อแดง กินข้าวหม้อเดียวกันแล้วทำไมกลับเหยียบหัวคนอื่นเพื่อเอาตัวรอด ด้วยจิตวิญญาณจึงต้องตบสั่งสอน เช่นเดียวกับกรณีของนายศรีสุวรรณ ถ้าสิ่งไหนที่ตนทำผิดดำเนินคดีได้เลยว่ากันตามกฎหมาย พร้อมยอมรับผิดอยู่แล้ว เพียงแต่ขอให้มีบรรทัดฐาน อย่าลำเอียง เพราะทุกคนเท่าเทียมกันหมด” นายวีรวิชญ์ ให้การเพิ่มเติม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่ง สน.ดุสิต ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป