ตำรวจไซเบอร์เตือน คิดก่อนพูด คิดก่อนโพสต์ คิดก่อนแชร์ คิดก่อน click ไม่กระทบสิทธิเสรีภาพผู้อื่น

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอฝากเตือนสติการโพสต์ข้อความ หรือการแสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์ และแนวทางในการแสดงความเห็นที่สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ดังต่อไปนี้

ด้วยในยุคปัจจุบันที่มีการพัฒนาของเทคโนโลยี ประชาชนนิยมใช้สื่อสังคมออนไลน์ผ่านช่องทางต่างๆกันอย่างแพร่หลาย ในการโพสต์ข้อความ แสดงความคิดเห็นด้วยวีดีโอ ภาพนิ่ง รวมถึงในกรณีตามที่ปรากฎเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ มีผู้ออกมาแสดงความคิดเห็นในหลายๆ เรื่อง ในหลายๆ มิติ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์โดยมีการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์โต้ตอบกันไปมาอย่างกว้างขวางซึ่งในบางครั้งอาจจะไปกระทบถึงสิทธิหรือละเมิดผู้อื่นตามความผิดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีความห่วงใยการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในทุกช่องทางต่างๆ ที่อาจไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น โดยขอให้ประชาชนใช้สติในการโพสต์ การแสดงความคิดเห็น หลีกเลี่ยงการกระทำในลักษณะที่อาจจะทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหายกระทบต่อสิทธิเสรีภาพผู้อื่น หรือเสื่อมเสียชื่อเสียง หรือถูกเกลียดชัง ซึ่งคำที่หมิ่นประมาทนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้คำที่ก้าวร้าว หยาบคาย แม้เป็นคำพูดสุภาพก็อาจจะเป็นหมิ่นประมาทได้ สิ่งที่สำคัญ คือ ต้องเป็นการใส่ความผู้อื่นโดยยืนยันข้อเท็จจริง ทำให้บุคคลทั่วไปที่อ่านข้อความรู้ได้แน่นอนว่าหมายถึงผู้ใด แต่หากไม่มีการระบุชื่อ แต่บริบทสามารถบ่งบอกได้ว่าคือผู้ใด ก็สามารถใช้สิทธิฟ้องร้องได้ตามขั้นตอนกฎหมายได้

นอกจากนี้การแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นด้วยคลิปวีดีโอ ข้อความ หรือการใช้ภาพ ขอให้หลีกเลี่ยงการกระทำที่ไม่เป็นไป ตามเงื่อนไขของ ป.อาญา มาตรา 329 ดังนี้

1. มีบุคคลที่สามและน่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง

2. ไม่ได้เพื่อป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเพื่อความเป็นธรรม

3. ไม่ใช่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่

4. ไม่ได้ติชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยของประชาชน

5. ไม่ได้เป็นการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม

6. แม้พิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริงแต่เป็นเรื่องส่วนตัวและการพิสูจน์ไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน

หากมีการฝ่าฝืนผู้กระทำนั้นอาจจะหมิ่นเหม่กระทำผิดกฎหมายในฐานหมิ่นประมาท ตาม ป.อาญา ม.326 จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือในฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท

ซึ่งในฐานความผิดดังกล่าวเป็นความผิดต่อส่วนตัวหากต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีผู้เสียหายจะต้องมาเเจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนภายในอายุความที่กฎหมายได้กำหนดหรือจะใช้สิทธิมอบหมายให้ทนายความยื่นฟ้องร้องทั้งในทางอาญาหรือทางแพ่งตามขั้นตอนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งหากมีการตัดต่อ แต่งเติม ดัดแปลงภาพ บิดเบือนข้อมูล หรือนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท

โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวต่ออีกว่าขอเน้นย้ำและฝากเตือนถึงการใช้สื่อสังคมออนไลน์ การพูดไม่ไตร่ตรอง การโพสต์ การแสดงความคิดเห็น ขอให้ตั้งสติให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสุ่มเสี่ยง เกิดความวุ่นวายหลีกเลี่ยงการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการทำร้ายผู้อื่นซึ่งอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายได้รวมถึงการแชร์โพสของคนอื่นก็ควรตรวจสอบให้ดีเสียก่อนว่าเป็นข้อมูลที่ไม่บิดเบือนหรือข้อมูลเท็จ กระทบหรือไปละเมิดสิทธิทำให้ผู้อื่นเสียหายหรือไม่ซึ่งอาจมีความผิดและถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าการแสดงความคิดเห็น เป็นสิทธิเสรีภาพตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ เเต่ต้องกระทำโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม หรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตน ติชมด้วยความเป็นธรรม เป็นต้น และผู้แสดงความคิดเห็นพึงระวังการใช้อารมณ์ความรู้สึกส่วนตัว โดยที่ยังศึกษาข้อกฎหมายไม่รอบด้าน สุดท้ายเเล้วสูญเสียทรัพย์สิน เสียเวลา เสียสุขภาพจิต และถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในที่สุด

ทั้งนี้หากพบเบาะแสการกระทำผิด หรือ ข้อขัดข้องใดๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนหมายเลข 1441 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 ตลอด 24 ชั่วโมง และ www.thaipoliceonline.com