เมื่อวันที่ 13 ต.ค. พ.ต.ท.พลจักร บุญนาค รองผกก.สส.สน.พลับพลาไชย 2 สนธิกำลังสภ.เมืองอุบลราชธานีจับกุมนายถนอมศักดิ์ เพี้ยนโอสถ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี จ454/2565 ลง 11 ต.ค.2565 ในความผิดฐาน “เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเป็นการตอบแทนในการจูงใจหรือได้จูงใจเจ้าพนักงาน โดยวิธีอันสุจริตหรือผิดกฎหมายให้กระทำการหรือไม่กระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณ หรือเป็นโทษแก่บุคคลใด”โดยจับกุมได้ที่บ้านพักย่านห้วยขวาง
สืบเนื่องจากกรณีกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธยิงใส่กันที่บริเวณหน้าร้านเอกมัย และ ร้านพญายอ จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายคนเหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข.ผบ.ตร.ในขณะนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.(ในขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยผบ.ตร.) สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งติดตามผู้ก่อเหตุ โดยขณะนั้นนายถนอมศักดิ์ เพี้ยนโอสถ ซึ่งอ้างตัวเป็นผู้สื่อข่าวได้ติดต่อกับนายเอกรินทร์ สุนทราเมธากุล หรือเสี่ยเอก อายุ 45 ปี เจ้าของร้านเอกมัย ซึ่งเป็นร้านที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์กลุ่มวัยรุ่นยิง อ้างว่ามีความสนิทกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อีกทั้งสามารถเจรจาพูดคุยกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ให้ช่วยเหลือทางคดีได้ แต่มีค่าดำเนินการ นายเอกรินทร์ได้หลงเชื่อจึงได้โอนเงินให้จำนวน 300,000 บาท
ต่อมานายถนอมศักดิ์ไม่สามารถดำเนินการตามที่กล่าวอ้าง เนื่องจากนายเอกรินทร์ และพวก คือ นายกิรินทร์ เกลียวทอง อายุ 25 ปี นายอรรถพล ทัศน์ศรี อายุ 30 ปี นายยศกฤศ ตุยาสัย อายุ 29 ปี นายวุฒิพงศ์ ทองบ่อ อายุ 27 ปี นายสุรชาติ ตุยาสัย อายุ 27 ปี นายชุมพร สะอาด อายุ 32 ปี ถูกทางชุดทำงานของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จับกุม ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ ร่วมกันบุกรุกเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปในเวลากลางคืน และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และช่องโจร และจากเหตุการครั้งนี้ ทำให้ร้านเอกมัย และ ร้านพญายอ ซึ่งเปิดเป็นสถานบริการ ถูกปิดด้วย
ต่อมาหลังจับกุมทางนายเอกรินทร์ได้เผยว่าก่อนหน้านี้ถูกนายถนอมศักดิ์อ้างว่าจะขอเคลียร์คดีได้ โดยมีการเรียกค่าดำเนินการ 3 แสนบาท และอีกครั้งในราคา4.5 แสนแต่ไม่ได้โอนให้ จึงร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับ นายถนอมศักดิ์ เพี้ยนโอสถ ตามกฎหมาย ต่อมาชุดสืบสวนได้ติดตามจับกุมตัวนายถนอมศักดิ์ได้ที่บ้านพัก ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองอุบลราชธานีดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
