แถลงจับกุมกลุ่มชายฉกรรจ์ หลังก่อเหตุทำร้าย​พ่อค้าหมูปิ้ง พร้อมคัดค้านการประกันตัว

ความคืบหน้ากรณีที่กลุ่มชายฉกรรจ์บุกรุมทำร้าย นายวิระบูรณ์ กุลสุวรรณ พ่อค้าหมูปิ้ง จนได้รับบาดเจ็บ พ่อค้าแม่ค้าต่างมาช่วยห้าม โดนลูกหลงช่วงชุลมุนกันไปตามๆ กัน แต่ที่อุกอาจคือมีการใช้อาวุธปืนยิงใส่พ่อค้าแม่ค้าด้วย แต่กระสุนขัดลำกล้อง รอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์ เหตุเกิดบริเวณริมถนนดวงพิทักษ์ตัดสุขุมวิท แขวงและเขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น ซึ่งต่อมาตำรวจได้ไปจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 4 คน คือ นายวิโรจน์ ด้วงทิพย์ อายุ 36 ปี , นายณัฐวุฒิ ด้วงทิพย์ อายุ 32 ปี , นายชูเดช สุริยมนต์ อายุ 29 ปี และนายสุรัตน์ชัย หรุ่นรักญาติ อายุ 30 ปี พร้อมของกลาง อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อบาเร็ตต้า รุ่นนาโน ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก

พลตำรวจตรี จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ไปติดตามความขึ้นหน้าคดีที่ สน. ลุมพินี โดยเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องหา มีพฤติกรรมเป็นมาเฟียใหญ่คุมพื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามจะต้องให้ตำรวจพื้นที่ไปป้องปรามไม่ให้มีการรวมกลุ่มกันตั้งเป็นแก๊งมาเฟียสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ซึ่งหากพบว่ามีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพลก็จะดำเนินการตามกฏหมาย

จากการตรวจสอบประวัติของกลุ่มผู้ต้องหา พบว่ามีประวัติเคยถูกดำเนินคดี 3 คน คือ นายวิโรจน์ เคยต้องคดีพกพาวุตมีด ของ สน.ดินแดง ปี 2558 และคดี จำหน่ายสินค้าปลอม ของ บก.ปอศ. ปี 2554 , นายณัฐวุฒิ เคยต้องคดีทำร้ายร่างกาย ของ สน. ดินแดง ปี 2555 และ คดีจำหน่ายสินค้าปลอม ของ บก.ปอศ. ปี 2555 และนายสุรัตน์ เคยต้องคดีครอบครองพืชกระท่อม ของ สน.ดินแดง ปี 2561

ส่วนที่ผู้เสียหายอ้างว่ามีผู้ก่อเหตุ 6 ถึง 7 คน ที่ร่วมก่อเหตุและปรากฎในคลิปเหตุการณ์นั้น อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะเดียวกันจะให้ตำรวจ สน.ลุมพินี ส่งกำลังตำรวจไปดูแลความปลอดภัยผู้เสียหายขณะขายของ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการข่มขู่ ก่อกวน หรือก่อเหตุซ้ำอีก ผู้เสียหายจะได้รู้สึกปลอดภัย

ขณะที่ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สน. ลุมพินี โดยพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีนายวิโรจน์ และนายณัฐวุฒิ คนถืออาวุธปืนตามที่ปรากฎในคลิป 5 ข้อหา คือ ร่วมกันพยายามฆ่า, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ , ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และซ่องโจร

ส่วนอีก 2 คน คือนายชูเดช และนายสุรัตน์ชัย ถูกดำเนินคดี 4 ข้อหา คือ ร่วมกันพยายามฆ่า , ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ , ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ , และซ่องโจร จากนั้นจะควบคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขัง ในวันจันทร์ที่ 10 ตุลาคมนี้ พร้อมกับคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าอาจจะไปข่มขู่ หรือ ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

โดยหนึ่งในผู้ต้องหาให้การว่า ก่อนหน้านี้ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตนเองได้ทำการค้าขายอยู่ตรงบริเวณที่นายวิระบูรณ์ขายหมูปิ้งได้ขายอยู่ แต่ตนเองได้หยุดพักไป แต่เมื่อตนจะเองจะกลับมาขายของต่อจึงพบว่าผู้เสียหายมาขายหมูปิ้งที่บริเวณเดิมที่ตนเองเคยขายอยู่ จึงได้เข้าไปเจรจาพูดคุยให้ย้ายออกไป หรือแบ่งเวลาการใช้พื้นที่ตั้งแผงลอยขายของ แต่ทางผู้เสียหายไม่ยอม จึงได้ชวนเพื่อนมาช่วยพูดคุย จนมีการโต้เถียงและกระทบกระทั่งกันตามเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น โดยยืนยันว่าไม่ได่เป็นมาเฟียตามที่ถูกกล่าวอ้าง