จากกรณีเมื่อวันที่ 27 ส.ค.65 เวลาประมาณ 08.00 น. สภ.ห้วยยอด ภ.จว.ตรัง รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย ประกอบด้วย นายสรัลยศ สิทธิโชค อายุ 29 ปี และ น.ส.นาถตยา เจ๊กคำ อายุ 28 ปี ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงที่ศีรษะจนทั้งคู่เสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 243 หมู่ 5 ต.บางกุ้ง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ก่อนจะหลบหนีไป ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
จากกรณีดังกล่าว พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.๙, พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผบก.สส.ภ.9 ,พล.ต.ต.สันทัด วินสน ผบก.ภ.จว.ตรัง พ.ต.อ.ดุสิต พรหมสิน ผกก.สส.ภ.9และ พ.ต.อ.สานิตย์ พลเพชร ผกก.สภ.ห้วยยอด เร่งทำการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ ซึ่งจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ภ.๙ และ ภ.จว.ตรัง ทราบว่า ผู้ก่อเหตุดังกล่าวคือ นายภาคภูมิ นิลปักษี อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118 หมู่ 5 ต.บางกุ้ง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นน้าของนายสรัลยศฯ ผู้เสียชีวิต ส่วนสาเหตุที่นายภาคภูมิฯ ก่อเหตุในครั้งนี้เกิดจากความโกรธแค้นที่ นายสรัลยศฯ และ น.ส.นาถตยาฯ มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวและเสพยาเสพติดเป็นประจำ เมื่อไม่มีเงินซื้อยาเสพติดมาเสพ ก็จะมาขอเงินจากนางอ่อนทิพย์ บุญอ่อน มารดาของนายสรัลยศฯ แต่เมื่อขอเงินไม่ได้ ก็มักจะทำร้ายร่างกายนางอ่อนทิพย์ฯ รวมทั้งญาติพี่น้องคนอื่นๆ มาโดยตลอด โดยล่าสุดก่อนเกิดเหตุ นายสรัลยศฯ ได้ทำร้ายร่างกายนางอ่อนทิพย์ ฯ และคนในบ้านอีก ทำให้นายภาคภูมิฯ ผู้ต้องหา โกรธแค้น จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว ก่อนจะหลบหนีไป
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 28 ส.ค.65 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวนายภาคภูมิ ฯ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดตรัง โดยกล่าวหาว่า “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์”
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ เนื่องจากคนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจ บุกเข้าไปยิงผู้เสียหายถึงในบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งจากตำรวจภูธรภาค ๙ และภูธรจังหวัดตรัง สามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ดี แต่จากนี้จะต้องเพิ่มเติมมาตรการป้องกันก่อนเกิดเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปิดล้อมตรวจค้นเพื่อมิให้มีการนำเอาอาวุธปืนผิดกฎหมายมาก่อเหตุสะเทือนขวัญ ลดการเกิดอาชญากรรมภายในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่อยู่กันอย่างสงบสุขและมีความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมากยิ่งขึ้น