ผบช.น. ประชุมร่วม 2 สถาบันดังย่านปทุมวัน วางมาตรการป้องกันยกพวกตีกัน เตรียมออกหมายเรียกฝั่งละเกือบ 30 ราย

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 สิงหาคม ที่สน.ปทุมวัน พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สรเสริญ ใช้สถิตย์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.จักรเพชร เพชรพลอยนิล รอง ผบก.น.6 พ.ต.อ.ชัยกฤต โพธิ์อ๊ะ รอง ผบก.สปพ. และพ.ต.อ.พันษา อัมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าคดีนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (อุเทนถวาย) ไล่ตีกันบริเวณลานกีฬาหน้าอาคารนิมิบุตร สนามศุภชลาศัย เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (25 สิงหาคม) ส่งผลให้มีผู้รับบาดเจ็บ 3 ราย โดยมีตัวแทนจากทั้งสองสถาบันเข้าร่วมประชุมหารือ โดยใช้เวลาในการประชุม 3 ชั่วโมง

ภายหลังการประชุม พล.ต.ท.สำราญ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตำรวจได้วางหลายมาตรการในการป้องกัน ทั้งการส่งตำรวจไปประจำจุด  ทำบัญชีนักเรียน ศิษย์เก่า หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็ทำไปได้ระดับหนึ่งแล้ว รวมถึงการเข้าตรวจค้นเชิงรุก เพื่อตรวจยึดอาวุธ หรืออุปกรณ์ที่เตรียมไว้ใช้ในการก่อเหตุ บางสถาบันให้ความร่วมมือ บางสถาบันไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร จึงต้องเรียกตัวแทนของทั้ง 2 สถาบันมาหารือ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ โดยต่อไปอาจมีการนำกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน ไปประจำจุดใกล้กับสถานที่ที่มักเกิดเหตุทะเลาะวิวาท หรือใกล้เคียงกับสถาบันที่มักพบปัญหาบ่อย เพื่อเตรียมความพร้อมในการส่งกำลังเข้าระงับเหตุ รวมถึงจะพิจารณาจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว เพื่อตามจับกุมผู้ก่อเหตุทันที นอกจากนี้จะมีการหารือประเด็นมาตรการจัดเซฟโซนของแต่ละสถาบัน ตลอดจนมาตรการการตรวจค้นอาวุธด้วย

สำหรับมาตรการของทางสถาบัน ได้รับแจ้งจากผู้บริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (อุเทนถวาย) ว่าจะปรับการเรียนการสอนให้เป็นระบบออนไลน์แทน ส่วนสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน จะเปิดการเรียนการสอนตามปกติ อย่างไรก็ตาม สาเหตุการทะเลาะวิวาทเมื่อวานนี้เป็นเรื่องของ 2 สถาบัน ที่ขัดแย้งมายาวนาน ไม่เกี่ยวกับการล้างแค้นเหตุที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ผู้ร่วมก่อเหตุเป็นนักศึกษาปี 2 ที่ถูกรุ่นพี่ และอดีตนักศึกษาที่จบไปแล้วเป็นแกนนำชักชวน โดยตำรวจมีข้อมูลหลักฐานเพียงพอที่จะออกหมายเรียกผู้ร่วมก่อเหตุฝั่งละประมาณ 30 คน และอยู่ระหว่างประสานอาจารย์เพื่อนำตัวมาให้ข้อมูลกับตำรวจ

ขณะที่ พ.ต.อ.พันษา เปิดเผยว่า อีกมาตรการที่พูดคุยคือการกำหนดพื้นที่ เซฟโซน ซึ่งฝ่ายอาจารย์ทั้ง 2 สถาบันลงความเห็นร่วมกันว่า จะใช้พื้นที่ตั้งแต่ห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง ไปจนถึงช่วงบริเวณหน้าสนามกีฬาศุภชลาศัย โดยตำรวจจะวางกำลังทั้งในและนอกเครื่องแบบบริเวณนี้ รวมทั้งปรับตารางการเรียนการสอนของ 2 สถาบัน ให้เหลื่อมเวลาเรียนกัน ป้องกันการรวมตัว ส่วนการดำเนินคดี ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างการติดตามตัวผู้ร่วมก่อเหตุ ซึ่งเบื้องต้นเข้าข่ายความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 ขึ้นไป กระทำการเพิ่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง รวมถึง ความผิดเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายผู้อื่นฯ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาตำรวจยังเข้าตรวจค้นทั้ง 2 สถาบัน แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งผู้บริหารทั้ง 2 สถาบัน ยืนยันให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย และหากพบตัวผู้กระทำความผิด นอกจากคดีอาญาแล้ว ก็จะโดนบทลงโทษของสถาบันถึงขั้นให้พ้นสภาพจากการเป็นนักศึกษาด้วย ส่วนอาการผู้บาดเจ็บ 3 คน ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว 2 คน เหลืออีก 1 คนยังรักษาตัวอยู่

///////