สอบสวนกลาง โดย บก.ปอท. รวบ รปภ. คลั่งรัก คุกคามทางเพศ (ออนไลน์) เน็ตไอดอลสาว

กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น, พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ศราวุฒิ บวรกิจประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ.ปรก.บก.ปอท., พ.ต.อ.อธิป พงษ์ศิวาภัย, พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. และ ว่าที่ พ.ต.อ.ชวินโรจน์ ภีมรัชตธำรงค์ ผกก.2 บก.ปอท.



เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.กล้า สมบัติพิบูลย์ สว.กก.2 บก.ปอท., ร.ต.อ.บุญนอง บัวทอง รอง.สว.กก.2 บก.ปอท., ว่าที่ ร.ต.ต.วิรัช ช่วงแพร รอง.สว.(ป) กก.2 บก.ปอท., ด.ต.เอก ครองบุญ, ด.ต.หญิง ลดาภรณ์ เจริญฤทธิ์ ผบ.หมู่ กก.2 บก.ปอท.

ร่วมกันจับกุม นายณัณธวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ในความผิดฐาน “ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น” จับกุมตัวได้ภายในห้องพัก ย่านถนนประชาราษฎร์สาย 1 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.


​พฤติการณ์ เนื่องด้วยผู้ต้องหามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ (ออนไลน์) ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเน็ตไอดอลที่มี ผู้ติดตามทางช่องทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก โดยจากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหามักจะส่งข้อความไปพูดคุยกับผู้เสียหาย ขอให้ผู้เสียหายมาคบหาด้วย และขอมีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหาย, พยายามที่จะติดตามไปพบเจอ ผู้เสียหาย และนอกจากนี้ผู้ต้องหายังได้มีการโพสต์ภาพและข้อความที่ทำให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหาย ด้วยการปลอมแปลงเอกสารทะเบียนสมรสระหว่างผู้ต้องหากับผู้เสียหายขึ้นมา ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่าผู้เสียหายแต่งงานแล้ว, ตัดต่อรูปโป๊เปลือยของบุคคลอื่น แล้วนำไปโพสต์ว่าตนเองเคยร่วมหลับนอนกับผู้เสียหาย


จากพฤติการณ์ดังกล่าว ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. เมื่อวันที่ 26 ก.ค.65 เนื่องจากภาพ คลิปวีดิโอ เเละข้อความต่างๆ ที่ผู้ต้องหาโพสต์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ได้สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับผู้เสียหาย และทำให้ผู้เสียหายรู้สึกหวาดกลัว ไม่ปลอดภัยเป็นอย่างมาก


ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เร่งสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหา โดยจากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ที่หอพักแห่งหนึ่ง ย่านถนนประชาราษฎร์สาย 1 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลอาญาเพื่อเข้าตรวจค้นห้องพักดังกล่าว ตามหมายค้นของศาลอาญา ที่ 571/2565 ลง 9 ส.ค. 2565


โดยในวันที่ 10 ส.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้นำหมายค้นของศาลอาญา เข้าตรวจค้นห้องพักของผู้ต้องหา จากการตรวจสอบพบผู้ต้องหาและโทรศัพท์มือถือ (ของกลาง) เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบโทรศัพท์เบื้องต้น พบว่ามีภาพของผู้เสียหาย และหลักฐานที่เกี่ยวข้องการกระทำความผิดอยู่ในโทรศัพท์ ผู้ต้องหาเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังพบภาพลามกเด็ก ถูกบันทึกอยู่ในโทรศัพท์ของผู้ต้องหา โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่าตนเองเป็นผู้บันทึกและเก็บภาพลามกเด็กดังกล่าวเอาไว้ในโทรศัพท์ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าเป็นการกระทำความผิดฐาน “ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น” ให้แก่ผู้ต้องหาทราบ และทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมตรวจยึดโทรศัพท์ (ของกลาง) นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถามเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ในส่วนของความผิดที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมคุกคามทางเพศ (ออนไลน์) ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ข้อมูลในโทรศัพท์มือถืออย่างละเอียดโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อนำหลักฐานที่ได้มาประกอบสำนวนการสอบสวน และจะได้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ต้องหาต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด​

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางจึงขอฝากเตือนภัยมายังประชาชนให้ทราบว่า การกระทำใดๆ ในสื่อสังคมออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางเพศ หากได้กระทำต่อบุคคลอื่นในลักษณะของการละเมิด โดยที่บุคคลอื่นไม่ต้องการและไม่ยินยอม ถือว่าเป็น การคุกคามทางเพศทางออนไลน์ มีความผิดตามกฎหมายหลายมาตรา สำหรับการครอบครองสื่อลามกอนาจาร โดยเฉพาะสื่อลามกอนาจารเด็กนั้น มีความผิดตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พฤติกรรมของผู้ต้องหาเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย ดังนี้
๑. ประมวลกฎหมายอาญา

  • หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา (มาตรา 328) จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท
  • ปลอมเอกสาร (มาตรา 26๕) จำคุกตั้งเเต่ ๖ เดือน – ๕ ปี และ ปรับตั้งเเต่ ๑,๐๐๐ – ๑0,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ (มาตรา 397) ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
    ๒. พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ
  • นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ (มาตรา14) จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    ๓. พรบ.การทะเบียนราษฎร
  • การเปิดเผยข้อมูลส่วนจากทะเบียนราษฎร์ของผู้อื่นจนก่อให้เกิดความเสียหาย (มาตรา 17) จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ