ตำรวจสอบสวนกลาง โดย บก.ป.รวบ “บอย ยูนิตี้” เจ้าพ่อนำเข้ารถหรู หนีภาษี

​กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สสน.บก.ป.



เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.ปรัชญ์ แม้นเดช, พ.ต.ต.กฤษณะ เชิงยุทธ์, พ.ต.ต.ปิยบุตร มีแป้น สว.กก.สสน. บก.ป., ว่าที่ พ.ต.ท.พิเชต ชมมณฑา, พ.ต.ต.ธานุพันธ์ สุระสะ สว.กก.2 บก.ป. พร้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สสน.บก.ป. และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๒ บก.ป.

ร่วมกันจับกุม นายอินทระศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 408/2565 ลงวันที่ 5 ก.ค.65 ข้อหา “ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม, แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำความผิดตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” (หลบหนีไม่มาตามนัดศาล) ซึ่งคดีดังกล่าว ศาลฎีกาพิพากษา มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ จำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา

สถานที่จับกุม บริเวณริมถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๕ เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น.

พฤติการณ์ สืบเนื่องมาจาก นายอินทระศักดิ์ฯ หรือ “บอย ยูนิตี้” นักธุรกิจมือหนึ่งของวงการนำเข้ารถหรู และเป็นเจ้าของกิจการเต็นท์รถชื่อดังย่านสุขุมวิทและรัชดา มีพฤติการณ์ลักลอบนำเข้ารถซุปเปอร์คาร์และรถหรู (Luxury car) ที่มีราคาสูง ด้วยวิธีการหลบเลี่ยงการชำระภาษี สำแดงราคารถยนต์ให้ต่ำกว่าราคาตามท้องตลาด, แจ้งรุ่นรถยนต์ที่นำเข้ามาต่อเจ้าหน้าที่ ให้มีราคาต่ำกว่ารุ่นรถยนต์ที่แท้จริง, ลักลอบนำเข้ารถยนต์ในประเทศและนำมาขึ้นทะเบียนเป็นรถจดประกอบ จากนั้นผู้ต้องหาได้นำรถที่นำเข้ามาไปขายให้กับ ผู้มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง และนักการเมือง ซึ่งต่อมาเมื่อผู้ซื้อนำรถไปขึ้นทะเบียน กลับไม่สามารถจดทะเบียนอย่างถูกต้องได้ พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐ กรณีที่หลบเลี่ยงภาษีอากรในการนำเข้า และภาคประชาชนที่ซื้อรถไปไม่สามารถนำรถไปขึ้นทะเบียนที่กรมการขนส่งอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้


​พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง เล็งเห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากขบวนการนำเข้ารถหรูโดยหลบเลี่ยงการชำระภาษี ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ศุลกากร แล้ว ยังถือเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายกับประชาชนที่หลงเชื่อซื้อรถหรูดังกล่าวไปอีกด้วย จึงได้สั่งการให้ ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กก.สสน.บก.ป. สืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว
​จนต่อมาในวันที่ 5 สิงหาคม 2565 เวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สสน.บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป. สืบสวนติดตามจับกุมจนพบตัวผู้ต้องหายืนอยู่บริเวณริมถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร จึงเข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เเสดงหมายจับและทำการจับกุม นำตัวผู้ต้องหาส่งศาลอาญาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป​
​ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาพบว่า ผู้ต้องหามีหมายจับในความผิดอื่น ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร (เลี่ยงภาษีอากร), พ.ร.บ.เช็ค, ประมวลกฏหมายอาญา (ฉ้อโกง, บุกรุก, ลักทรัพย์) รวมจำนวน อีก ๑๔ หมายจับ

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา