พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ พร้อมกรมประมงบินประสานมาเลเซีย ขอเรือประมง IUU ที่หลบหนีกลับมาดำเนินคดีที่ไทย

จากกรณีที่เมื่อเดือน ธ.ค.๖๔ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการประมง ร่วมกับ ศรชล จับกุมเรือประมงปลอมแปลงสัญชาติซึ่งลักลอบเข้ามาทำการประมงโดยผิดกฎหมาย จำนวน ๕ ลำ พร้อมดำเนินคดีเจ้าของเรือและลูกเรือรวมจำนวน ๒๒ ราย ซึ่งร่วมกันกระทำความผิดกรณีลักลอบเข้ามาในน่านน้ำไทยโดยไม่ได้มีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบ และมีการปิดบังและเปลี่ยนแปลงชื่อเรือและสัญชาติจากมาเลเซียเป็นสัญชาติอินโดนีเซีย ตามที่ทราบแล้ว นั้น

ความคืบหน้าในส่วนของคดีนั้น ศาลได้มีการพิจารณาคดีเกี่ยวกับเรือประมงดังกล่าวไปแล้วจำนวน ๓ ลำ เนื่องจากผู้ต้องหารับสารภาพ โดยสั่งริบเรือประมง และปรับเงินจำนวนกว่า ๑๙ ล้านบาท ส่วนอีก ๒ ลำ ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดี ต่อมาในช่วงเดือน มี.ค.๖๕ ระหว่างที่มีการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องนั้น ในส่วนของเรือประมงที่ยึดไว้ทั้ง ๕ ลำ ซึ่งเก็บรักษาไว้ ณ กรมศุลกากรจังหวัดสงขลา ได้เข้าสู่กระบวนการประมูลเรือขายทอดตลาดของกรมศุลกากร แต่ปรากฏว่า หลังจากที่เรือประมงทั้ง ๕ ลำ ถูกประมูลไปแล้วนั้น กลับฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรของเจ้าหน้าที่ ลักลอบเดินทางออกไปยังน่านน้ำประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการประสานงานกับทางการมาเลเซียเพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมเรือประมงทั้ง ๕ ลำดังกล่าว ซึ่งต่อมาในช่วงเดือน พ.ค.๖๕ ทางการมาเลเซียได้แจ้งว่า สามารถติดตามจับกุมเรือประมงทั้ง ๕ ลำไว้ได้ครบถ้วนแล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินคดีตามกฎหมายของทางการมาเลเซีย

ในการนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร. ให้ดำเนินการประสานงานกับทางการมาเลเซีย เพื่อขอความร่วมมือในการขอรับเรือประมงทั้ง ๕ ลำ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย โดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. จึงได้บูรณาการร่วมกับ นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง เพื่อดำเนินการประสานงานกับทางการมาเลเซียต่อไป

ในวันนี้ (๒๐ ก.ค.๖๕) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม     รอง ผบช.ภ.๑, พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบช.ทท., นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง และนายถาวร ทันใจ รองอธิบดีกรมประมง ได้เดินทางไปพบกับ ดาโต๊ะ สรี ซัมรี บิน ยะฮ์ยา ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ประเทศมาเลเซีย เพื่อประสานความร่วมมือในการนำเรือประมง ๕ ลำดังกล่าวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ณ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยได้มีการพบปะหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งการแสวงหาความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งกรณีเรือประมงทั้ง ๕ ลำดังกล่าว จะถูกนำกลับมาดำเนินคดีในความผิดฐาน ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามออกนอกราชณาจักร และลักลอบออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการของกรมเจ้าท่า และตรวจคนเข้าเมือง

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การเดินทางมาเยือนประเทศมาเลเซียในครั้งนี้ เป็นการเดินทางมาเพื่อแสวงหาความร่วมมือและแนวทางร่วมกันในการป้องกันและปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมาย หรือ IUU เนื่องจากประเทศมาเลเซียเป็นประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีอาณาเขตทั้งทางบกและทางน้ำติดกับประเทศไทย หากเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายมีแนวทางในการร่วมมือกัน ปัญหาเรื่องการทำประมงผิดกฎหมายในภาพรวมจะต้องลดลงอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังได้มีการประสานความร่วมมือในการขอนำเรือประมง ๕ ลำ ที่ประเทศไทยได้ร้องขอให้ทางการมาเลเซียช่วยเหลือในการติดตามจับกุมเอาไว้ให้ เพื่อนำกลับไปดำเนินคดีตามกฎหมายที่ไทย เบื้องต้นอาจจะต้องรอให้การดำเนินคดีตามกฎหมายของทางการมาเลเซียเสร็จสิ้นก่อน ซึ่งภาพรวมวันนี้ถือว่าได้รับความร่วมมือจากทางการมาเลเซียเป็นอย่างดี ในอนาคตจะได้มีการหารือร่วมกันอย่างเป็นทางการในการป้องกันและปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืนต่อไป

ในการนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือพี่น้องสื่อมวลชน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ได้ทราบถึงการดำเนินการและการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการทำประมงผิดกฎหมาย หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลมายัง ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) โดยตรง ช่องทางสายด่วน 1599 หรือ www.humantrafficking.police.go.th หรือ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/TICAC2016 หรือ LineOA: @HUMANTRAFFICKTH หรือ TWITTER: @safe_dek หรือช่องทางใหม่ล่าสุดคือ การสแกน QRCODE  เพื่อกรอกแบบฟอร์มในการแจ้งเหตุและเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าวเพื่อแจ้งเบาะแสในการปราบปรามการกระทำผิดต่อไป