จากกรณีเมื่อวันที่ 27 ม.ค.65 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.9 ร่วมกับ ภ.จว.พัทลุง และ สภ.ควนขนุน ได้เข้าล้อมจับกุมและวิสามัญ “ไอ้แกร็ก” จากการที่ได้ใช้อาวุธปืนสงครามต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งอีกกรณีหนึ่ง เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.65 ได้เกิดเหตุคนร้ายนำอาวุธปืนสงครามมายิงบ้านคู่กรณี สาเหตุจากการขับรถเฉี่ยวชนกัน ซึ่งได้มีการจับกุมคนร้ายกับพวกพร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุได้แล้ว ตามที่ปรากฏตามข่าวและสื่อโซเชียลมีเดีย นั้น
โดยทุกเหตุการณ์มีการใช้อาวุธปืนสงครามในการก่อเหตุทั้งสิ้น ดังนั้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผบก.สส.ภ.9 พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ให้มีการออกสืบสวนหาข่าว ติดตามจับกุมคนร้ายหรือกลุ่มมือปืนรับจ้าง พ่อค้ายาเสพติดที่เชื่อว่ามีอาวุธปืนสงครามอยู่ในความครอบครอง ตลอดจนสืบสวนหาเจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงานที่มีส่วนรู้เห็นในการนำอาวุธปืนสงครามมาจำหน่าย ให้กับกลุ่มคนร้ายใช้ก่อเหตุ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ จ.พัทลุง
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.9 ร่วมกับ ภ.จว.พัทลุง และ สภ.กงหรา ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดพัทลุงเข้าทำการตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหากลุ่มเครือข่ายยาเสพติด ได้จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย
1) วันที่ 30 มิ.ย.65 เวลาประมาณ 06.30 น. ได้เข้าทำการตรวจค้นและจับกุมนายอภิสิทธิ์ หรือบิว ฉิมพูน อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101/1 ม.5 ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา จ.พัทลุง พร้อมของกลาง เป็นอาวุธปืน เอ็ม 16 จำนวน 2 กระบอก พร้อมแมกกาซีน กระสุนปืนรวมกว่า ๑๐๐ นัด ยาบ้าและยาไอซ์อีกจำนวนหนึ่ง ภายในบ้านพักของนายอภิสิทธิ์เอง
2) วันที่ 1 ก.ค.65 เวลาประมาณ 11.00 น.ได้เข้าทำการตรวจค้นและจับกุมนายวสันต์ หรือผอม รอดนวน อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142 หมู่ 8 ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา จ.พัทลุง พร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้น กึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม.ไม่ทราบยี่ห้อ ไม่มีหมายเลขทะเบียน พร้อมกระสุนปืน 14 นัด และยาไอซ์อีกจำนวนหนึ่ง ภายในขนำข้างบ้านเลขที่ 64 ต.โคกสัก อ.บางแก้ว จ.พัทลุง
3) วันที่ 8 ก.ค.65 เวลาประมาณ 11.00 น.ได้เข้าทำการตรวจค้นและจับกุมนายชิต มีสี อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 8 ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา จ.พัทลุง พร้อมของกลาง อาวุธปืนอาก้า จำนวน 1 กระบอก พร้อมแมกกาซีน และกระสุนปืนรวมกว่า 100 นัด อาวุธปืนยาวแบบไทยประดิษฐ์ พร้อมกระสุนขนาด .22 จำนวน 10 นัด และยาบ้าอีกจำนวนหนึ่ง ภายในขนำภายในสวนยางพารา ม.1 ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา จ.พัทลุง
จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งสามเป็นเครือข่ายยาเสพติด โดยอาวุธปืนทั้งหมดเป็นของนายวสันต์ ฯ ซึ่งนายวสันต์ ฯ ฝากซุกซ่อนไว้กับนายอภิสิทธิ์ ฯ และนายชิต ฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการขยายผล หาแหล่งที่มาของอาวุธปืนสงครามจนทราบว่า นายวสันต์ ฯ ได้ซื้ออาวุธปืน เอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก มาจาก จ.ส.อ.กิตติพงศ์ ไชยพรหม ข้าราชการทหาร ในราคากระบอกละ 50,000 บาท และยังทราบอีกว่านายวสันต์ ฯ มีการวางแผนจะนำอาวุธปืนสงครามดังกล่าวไปยิงคู่อริ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมได้เสียก่อน
ต่อมา เมื่อวันที่ 13 ก.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม จ.ส.อ.กิตติพงศ์ ฯ ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำหน่ายซึ่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยมิได้รับอนุญาต รวมจับกุมขบวนการดังกล่าวได้ทั้งสิ้นจำนวน 4 ราย
นอกจากนี้ จากกรณีของนายพีรพงษ์ ขำผุด ร่วมกับพวกใช้อาวุธปืนสงคราม เอ็ม 16 ยิงถล่มบ้านคู่กรณี ที่ขับรถเฉี่ยวชนกันและไม่สามารถตกลงกันได้ โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหากับพวก พร้อมอาวุธปืนของกลาง ความคืบหน้าล่าสุด พบว่าอาวุธปืนเอ็ม 16 กระบอกดังกล่าวเป็นอาวุธปืนของทางราชการ โดยมี ด.ต.ธวัชชัย เพ็ชรบุรี เบิกยืมออกมาใช้ปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ ด.ต.ธวัชชัย ฯ ได้นำอาวุธปืนไปจำนำเพื่อนำเงินมาใช้จ่าย และได้มีการขายต่อเป็นทอดๆไป ทั้งประชาชนทั่วไปและเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย จนถึงมือของนายไพฑูร ขวัญแก้ว ลูกสมุนของไอ้แก๊ก หรือนายประดิษฐ์ มุสิกะสง ที่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญไปเมื่อ 24 ม.ค.65 ที่ผ่านมา ก่อนส่งไปถึงมือนายพีรพงษ์ ฯ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถขออนุมัติศาลจังหวัดพัทลุง ออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนสงครามดังกล่าวได้จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย
1) ด.ต.ธวัชชัย เพ็ชรบุรี โดยกล่าวหาว่า เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต 2) ร.ต.ท.พงศ์ศักดิ์ พละไชย 3) ด.ต.สุเทพ เพ็งทิพย์ โดยกล่าวหาว่า เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือรับของโจร
4) นายทรงพล บุญดำ 5) นายไพทูร ขวัญแก้ว โดยกล่าวหาว่า สนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือรับของโจร
ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 5 รายดังกล่าว ขณะนี้อยู่ในระหว่างการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ปฏิบัติการทลายเครือข่ายอาวุธปืนสงครามในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากในช่วงที่ผ่านมา มีเหตุอุกฉกรรจ์ในพื้นที่ จ.พัทลุง ที่เกิดจากการที่ผู้ก่อเหตุนำเอาอาวุธปืนสงครามมาใช้ในการก่อเหตุ ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรงที่สร้างความหวาดกลัวให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ดังนั้นจึงได้สั่งการให้ ภ.9 ดำเนินการปราบปรามเครือข่ายลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนสงครามดังกล่าวโดยเร่งด่วน และให้ขยายผลหาที่มาของอาวุธปืนที่ถูกใช้ก่อเหตุในเหตุการณ์ที่ผ่านมาอีกด้วย ซึ่งเบื้องต้นสามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมอาวุธปืนสงครามเพิ่มเติมได้ ทั้งที่เป็นผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติด และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จากนี้จะมีการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมถึงเส้นทางการนำเอาอาวุธปืนสงครามเหล่านี้มาจำหน่ายในพื้นที่ เพื่อเป็นการยับยั้งไม่ให้มีการก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้อีก พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดพัทลุงและพื้นที่ใกล้เคียงจะได้อยู่กันอย่างสงบสุข