ปอท.ตามจับเจ้าของบัญชีม้า ร่วมฉ้อโกงเงินกว่า 2 ล้านบาท หนีประกันไม่ยอมไปศาล

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 2 ก.พ. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปอท. พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.พิเชษฐ์ คำภีรานนท์ ผกก.3 บก.ปอท. พ.ต.ท.สัญญา นิลนพคุณ รอง ผกก 3 บก.ปอท

สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจำกุมประกอบด้วย พ.ต.ท.ฐิติวัสส์ แซมเขียว พ.ต.ต.ประยุทธ สอนสวาท สว.กก.3 บก.ปอท ร.ต.อ.ประมุข ภิรมย์เจียว รอง สว.กก.3 บก.ปอท. ส.ต.ท.กฤชณัฏฐ์ จันตาฝั้น ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปอท. ส.ต.ต.ยศพล เคียงสูงเนิน ผบ.หมู่ฯ ปรก.กก.3 บก.ปอท.
ได้ร่วมทำการจับกุมตัวนางสุวรรณา โอโคย หรือ จันทร์กลิ่น อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1508/2564 ลงวันที่ 15 ก.ย.2564 ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันโดยทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่คอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านเลขที่ 11/3 ม.1 ต.บ้านธาตุ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

สอบถามนางสุวรรณา ให้การรับสารภาพว่า เมื่อตอนปี พ.ศ.2557 ได้ไปทำงานเปิดร้านอาหารที่ประเทศมาเลเซียกับสามีชาวต่างชาติ พร้อมกับรับแลกเปลี่ยนและส่งเงินจากคนไทยที่ไปทำงานหากินอยู่ในมาเลเซีย โดยที่ตนจะได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินริงกิตเป็นเงินไทย ซึ่งไม่ทราบว่าโดนกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกงและเป็นเจ้าของบัญชีม้าได้อย่างไร

โดยเมื่อปี 57 ตอนที่ทำมาหากินอยู่ที่มาเลเซียนั้น ตนจะมีลูกค้าที่เป็นหญิงไทยที่ไปทำงานในมาเลเซียมาใช้บริการให้ตนโอนเงินกลับบ้านที่เมืองไทยเป็นประจำ ครั้งละ 1-2 หมื่นบาท จำนวนหลายคน จึงไม่รู้ว่าใครเอาเงินผิดกฎหมายมาให้ตนโอน ซึ่งเท่าที่รู้ คนที่แจ้งความดำเนินคดีตนเป็นชาวต่างชาติ กล่าวหาว่าตนร่วมกับหญิงที่มาใช้บริการโอนเงินกลับบ้านได้โกงเงินเขาร่วม 2 ล้านบาท
ในชั้นพนักงานสอบสวน ตนให้การปฏิเสธจะขอไปให้การในชั้นศาล โดยใช้เงินสดประกันตัว สองแสนบาท แต่เนื่องจากมีปัญหา ตอนไปพบอัยการแล้ว ผู้ต้องหาอีกรายไม่มาพบตามนัด อัยการแจ้งเลื่อนนัดตนครั้งแรก พอนัดครั้งที่สองตนไม่ทราบจึงไม่ได้ไปพบอัยการ ก่อนจะถูกตำรวจ บก.ปอท.ตามไปจับกุมตัวฐานไม่มาตามหมายเรียกเมื่อเช้าวันนี้

ชุดจับกุมนำตัวส่งนางสุวรรณา ส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 3 บก.ปอท.เพื่อส่งอัยการในช่วงบ่าย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ปอท.ตามจับเจ้าของบัญชีม้า ร่วมฉ้อโกงเงินกว่า 2 ล้านบาท หนีประกันไม่ยอมไปศาล

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 2 ก.พ. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปอท. พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.พิเชษฐ์ คำภีรานนท์ ผกก.3 บก.ปอท. พ.ต.ท.สัญญา นิลนพคุณ รอง ผกก 3 บก.ปอท.

สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจำกุมประกอบด้วย พ.ต.ท.ฐิติวัสส์ แซมเขียว พ.ต.ต.ประยุทธ สอนสวาท สว.กก.3 บก.ปอท ร.ต.อ.ประมุข ภิรมย์เจียว รอง สว.กก.3 บก.ปอท. ส.ต.ท.กฤชณัฏฐ์ จันตาฝั้น ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปอท. ส.ต.ต.ยศพล เคียงสูงเนิน ผบ.หมู่ฯ ปรก.กก.3 บก.ปอท.
ได้ร่วมทำการจับกุมตัวนางสุวรรณา โอโคย หรือ จันทร์กลิ่น อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1508/2564 ลงวันที่ 15 ก.ย.2564 ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันโดยทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่คอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านเลขที่ 11/3 ม.1 ต.บ้านธาตุ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

สอบถามนางสุวรรณา ให้การรับสารภาพว่า เมื่อตอนปี พ.ศ.2557 ได้ไปทำงานเปิดร้านอาหารที่ประเทศมาเลเซียกับสามีชาวต่างชาติ พร้อมกับรับแลกเปลี่ยนและส่งเงินจากคนไทยที่ไปทำงานหากินอยู่ในมาเลเซีย โดยที่ตนจะได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินริงกิตเป็นเงินไทย ซึ่งไม่ทราบว่าโดนกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกงและเป็นเจ้าของบัญชีม้าได้อย่างไร

โดยเมื่อปี 57 ตอนที่ทำมาหากินอยู่ที่มาเลเซียนั้น ตนจะมีลูกค้าที่เป็นหญิงไทยที่ไปทำงานในมาเลเซียมาใช้บริการให้ตนโอนเงินกลับบ้านที่เมืองไทยเป็นประจำ ครั้งละ 1-2 หมื่นบาท จำนวนหลายคน จึงไม่รู้ว่าใครเอาเงินผิดกฎหมายมาให้ตนโอน ซึ่งเท่าที่รู้ คนที่แจ้งความดำเนินคดีตนเป็นชาวต่างชาติ กล่าวหาว่าตนร่วมกับหญิงที่มาใช้บริการโอนเงินกลับบ้านได้โกงเงินเขาร่วม 2 ล้านบาท
ในชั้นพนักงานสอบสวน ตนให้การปฏิเสธจะขอไปให้การในชั้นศาล โดยใช้เงินสดประกันตัว สองแสนบาท แต่เนื่องจากมีปัญหา ตอนไปพบอัยการแล้ว ผู้ต้องหาอีกรายไม่มาพบตามนัด อัยการแจ้งเลื่อนนัดตนครั้งแรก พอนัดครั้งที่สองตนไม่ทราบจึงไม่ได้ไปพบอัยการ ก่อนจะถูกตำรวจ บก.ปอท.ตามไปจับกุมตัวฐานไม่มาตามหมายเรียกเมื่อเช้าวันนี้

ชุดจับกุมนำตัวส่งนางสุวรรณา ส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 3 บก.ปอท.เพื่อส่งอัยการในช่วงบ่าย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป