จากกรณีที่ตำรวจศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดีย ว่ามีคนไทยถูกหลอกลวงและบังคับให้ค้าประเวณีที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และได้ประสานงานร่วมกับหน่วยราชการไทยที่เกี่ยวข้องและทางการดูไบ เข้าให้ความช่วยเหลือพาตัวกลับประเทศ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ธ.ค. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศพดส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนศูนย์บัญชาการป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ,นางภิญญา จำรูญศาสตร์ผู้อำนวยการกองต่อต้านการค้ามนุษย์ และเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน ศพดส.ตร. ร่วมแถลงข่าวจับกุม นางวีณา เพิ่งเจริญ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1771/2564 ลงวันที่ 25 ต.ค.64 ,น.ส.รัตนกร แก้วจัตุรัส อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1769/2564 ลงวันที่ 25 ต.ค.64 , น.ส.จันทร์จิรา วงษ์ตัน อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1768/2564 ลงวันที่ 25 ต.ค.64 , น.ส.ปภัฏชมณ ศรีสว่าง อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1777/2564 ลงวันที่ 29 ต.ค.64 และ น.ส.ปาลิดา เจนกาล อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1876/2564 ลงวันที่ 5 พ.ย.64 ในข้อหา “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์” หลังขยายผลจับกุมเครือข่ายหลอกลวงคนไทยไปบังคับค้าประเวณีที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ตำรวจได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีผ่านช่องทางออนไลน์ จึงได้ประสานงานร่วมกับสำนักงานความมั่นคงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสามารถช่วยเหลือกลับมาอย่างปลอดภัยจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังจับกุม น.ส.รัศมี ทาทอง อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1770/2564 วันที่ 25 ต.ค.64 เป็นแม่เล้าในเครือข่ายดังกล่าว และถูกหมายแดงจากตำรวจสากล ขณะนี้ได้รับโทษทางกฎหมายอยู่ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอยู่ระหว่างรอส่งตัวมารับโทษต่อที่ประเทศไทย ซึ่งจากการขยายผลเครือข่ายก็สามารถจับกุมผู้กระทำผิดเพิ่มได้ 5 คน ซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งหมด เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เผยอีกว่า ตำรวจมีหลักฐานว่า กลุ่มนี้มีพฤติการณ์เป็นนายหน้าหลอกลวงคนไทยชักชวนให้ไปทำงานในต่างประเทศ โดยอ้างค่าตอบแทนที่สูงเพื่อให้เหยื่อสนใจและยินยอมเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ เมื่อเดินทางไปถึงกลับไม่พบได้ทำงานตามที่ตกลงกันไว้แต่ถูกบังคับให้ค้าประเวณีในสถานที่ที่ตั้งร้านนวดบังหน้า ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมา พบมีคนไทยถูกหลอกลวงไปทำงานค้าประเวณีที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และได้รับการช่วยเหลือกลับประเทศไทยมากถึง 300 – 400 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกหลอกให้ไปทำงานร้านนวด แต่ถูกบังคับให้ค้าประเวณีต้องรับแขกมากถึง 7 คนต่อวัน
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตำรวจพบว่าสามเมืองหลักในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คือ อัจมาน , ดูไบ และรัฐราสอัลไคมาห์ ยังเป็นเมืองหลักที่มัก มีคนไทยถูกหลอกไปบังคับค้าประเวณี จำนวนมาก โดยได้ค่านายหน้า 35,000-50,000 บาท ซึ่งแนวทางจากนี้ไปตำรวจจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาการหลอกลวงคนไทยไปทำงานค้าประเวณี ซึ่งพบว่ายังมีคนไทยถูกหลอกไปทำงานยังประเทศเกาหลีใต้ และกัมพูชา อีกด้วย
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ขอฝากถึงบุคคลที่ยังกระทำความผิดในลักษณะนี้ ขอให้หยุดมิฉะนั้นจะถูกจับกุมดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับเครือข่ายนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบไม่เกินสัปดาห์นี้ถึงจะรู้ผล และหากมีตำรวจเข้าไปเกี่ววข้องก็จะไม่มีการปกป้องพร้อมดำเนินคดีทันทีไม่มีข้อยกเว้น