กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. และ พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ รอง ผกก.1 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.รัฐวิรุฬห์ จันทสุบรรณ สว.กก.1 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมร่วมกันจับกุม นางสาวขวัญรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ตามหมายจับ ศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 317/2564 ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2564 ฐาน “ตัวการในข้อหาผู้ใดกระทำความผิดโดยการ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบาง ส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดย ประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและตัวการในข้อหาฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” จับกุมได้บริเวณหน้าห้องเช่า ภายในซอย พหลโยธิน 50 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร วันที่ 24 พ.ย.64 เวลา 23.45 น.
พฤติการณ์ ย้อนไปเมื่อปี 2560 น.ส.ขวัญรัตน์ ผู้ต้องหาได้เปิดเฟซบุ๊กรับหิ้วของแบรนด์เนม ที่ลดราคาตามห้างสรรพสินค้า มีการสร้างร้านค้าออนไลน์ในเฟซบุ๊ก เพื่อจะหลอกลวงกลุ่มผู้เสียหาย ที่สนใจในสินค้าแบรนด์เนมคุณภาพดี แต่ราคาถูกกว่าราคาตลาด ฟรีค่าจัดส่ง โดยจะมีการนำภาพผู้หญิง มาใช้เป็นรูปโปรไฟล์ จากนั้นก็จะนำรีวิวจากที่อื่นมาลงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเอง เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินค่าสินค้าฯ ให้แล้ว ก็จะปิดเฟซบุ๊กนั้นทิ้ง แล้วไปเปิดเฟซบุ๊กใหม่ เมื่อโดนตาม จนไม่สามารถใช้บัญชีตนเองได้ก็จะหันไปใช้บัญชีแฟนหนุ่มแทน
กระทั่งเมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2562 ผู้ต้องหาได้ถูกดำเนินคดีในข้อหา ฉ้อโกง ที่ สภ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี และพ้นโทษออกมาเมื่อปลายปี 2562 ประกอบกับยังไม่มีงานทำ จึงกลับมาเปิดเฟซบุ๊กเพื่อหลอกลวงผู้เสียหายอีกในลักษณะเดิม
และเมื่อปี 2563 ผู้ต้องหาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรน้อย จว.นนทบุรี ดำเนินคดีในข้อหา นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จฯ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ต่อมาผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวในชั้นศาล และศาลจังหวัดนนทบุรีได้นัดผู้ต้องหามาฟังคำพิพากษา แต่ผู้ต้องหาไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลจึงออกหมายจับ และก่อนถูกจับกุมในครั้งนี้ ผู้ต้องหายังคงหลอกลวงผู้เสียหายในลักษณะเดิมอีก
ต่อมา กก.1 บก.ป. ได้มอบหมายให้ พ.ต.ต.รัฐวิรุฬห์ จันทสุบรรณ สว.กก.๑ บก.ป. พร้อมพวก ทำการสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาดังกล่าว เนื่องจากเป็นการกระทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน เกิดความเสียหายในภาคธุรกิจการขายสินค้าออนไลน์ มีพฤติกรรมไม่เข็ดหลาบ และไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย อีกทั้งยังคงหลบหนีคดีอยู่ โดยก่อนการจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้สืบทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่กับเพื่อนที่ห้องเช่า ย่านพหลโยธิน 50 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 24 พ.ย.64 เวลาประมาณ 23.45 น. ขณะเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณใกล้เคียงกับห้องเช่าดังกล่าว พบหญิงไทยซึ่งมีลักษณะรูปพรรณตรงกับ น.ส.ขวัญรัตน์ฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ลงมาจากห้องเช่าดังกล่าวเพื่อไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าตรวจสอบ และจับกุมตัวส่งศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การเบื้องต้น น.ส.ขวัญรัตน์ฯ ยอมรับสารภาพว่า ได้ปลอมเฟซบุ๊กขึ้นมาหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินมาจริง ตั้งแต่ปี 60 ถูกจับกุมดำเนินคดีมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีงานทำ จึงกลับมาเปิดเฟซบุ๊กหลอกผู้เสียหายอีก โดยมีผู้หลงเชื่อโอนเงินกว่า 100 ราย มีรายได้ตกเดือนละ 4-5 หมื่นบาท จนถึงปัจจุบัน เมื่อได้เงินมามักจะนำไปใช้จ่ายส่วนตัวและซื้อของเเบรนด์เนม
เตือนภัย กลโกงจากการซื้อขายของออนไลน์มีมาหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะซื้อของแบบโอนจ่ายเงินแล้วไม่ได้ของ ซื้อมาได้ของปลอม ซื้อแล้วได้ของคุณภาพต่ำ ไม่ตรงปก หรือซื้อแล้วได้ของที่ไม่ได้สั่ง ฉะนั้นก่อนตัดสินใจซื้อของออนไลน์ ควรตรวจสอบข้อมูลของผู้ขายให้ดีเสียก่อน เพื่อสร้างความมั่นใจก่อนตัดสินใจซื้อของออนไลน์ และลดความเสียหายที่เกิดจากการถูกหลอกลวงโดยมิจฉาชีพ