ปฏิบัติการ “กวาดล้างพ่อค้าโคเคน” ทลายขบวนการชาวต่างชาติลักลอบจำหน่ายโคเคน กลางกรุงเทพมหานคร

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. โดยกองปราบปราม ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 5 ราย แบ่งเป็นชาวต่างชาติ 3 ราย คนไทย 2 ราย นายแดเนียลฯ หรือโทนี่ อายุ 40 ปี สัญชาติไนจีเรีย จับกุมที่บริเวณลานจอดรถของศูนย์การค้า แห่งหนึ่ง แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ยึดโคเคนของกลาง รวม 29 หน่วย น้ำหนักรวมถุงบรรจุ ประมาณ 41.1 กรัม นายอัลเฟรดฯ หรือชาร์ลี อายุ 38 ปี สัญชาติไนจีเรีย จับกุมได้ที่ หน้าร้านสะดวกซื้อ ภายในซอย ปรีดีพนมยงค์ 14 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ตรวจยึดโคเคนของกลาง รวม 90 หน่วย น้ำหนักรวมถุงบรรจุ ประมาณ 340.14 กรัม นายกาเบรียลฯ หรือ โจ สัญชาติ ไนจีเรีย อายุ 37 ปี จับกุมได้ที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ภายในซอย ปรีดีพนมยงค์ 14 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ เวลาประมาณ 17.39 น. ยึดโคเคนของกลางรวม 6 หน่วย น้ำหนักรวมถุงบรรจุ ประมาณ 6 กรัม น.ส.กันยารัตน์ฯ หรือ โอ๋ อายุ 43 ปี หน้าร้านอาหาร ภายในศูนย์การค้าย่านทองหล่อ ถนนทองหล่อ แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ยึดโคเคนของกลาง รวม 19 หน่วย น้ำหนักรวมถุงบรรจุ ประมาณ 17.4 กรัม นายอัษฎาวุทฯ อายุ 25 ปี จับกุมได้ที่ หน้าร้านอาหาร ภายในศูนย์การค้าย่านทองหล่อ ถนนทองหล่อ แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ยึดโคเคนของกลาง รวม 4 หน่วย น้ำหนักรวมถุงบรรจุ ประมาณ 8.65 กรัม
รวมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) จำนวน 148 หน่วย น้ำหนักรวมบรรจุหีบห่อ 413.59 กรัม รวมมูลค่ายาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) จำนวนเงินกว่า 1,000,000 บาท

แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาที่ 1-5 ทราบว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” ผู้ต้องหาที่ 1-3 ซึ่งเป็นบุคคลต่างชาติ แจ้งข้อหาเพิ่มเติมให้ทราบว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” พฤติการณ์ ด้วยสถานการณ์ยาเสพติดในประเทศไทยปัจจุบันยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยประเมินได้จากสถิติทั้งจำนวนคดีและปริมาณยาเสพติดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งความเจริญทางเทคโนโลยีและการติดต่อสื่อสารยังเอื้ออำนวยต่อการกระทำผิดของกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด จึงทำให้การกระทำผิดของกลุ่มนักค้ายาเสพติดสามารถกระทำผิดในลักษณะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติได้มากขึ้น


​ซึ่งพฤติการณ์ของชาวต่างชาติกลุ่มนี้ จะเข้ามาในราชอาณาจักรด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งถูกกฎหมายและหลบหนีเข้าเมือง จากนั้นจะอาศัยหญิงไทยเป็นเครื่องมือโดยการแต่งงานหรืออยู่กินฉันสามี-ภรรยา โดยมีวัตถุประสงค์แอบแฝงคือการเข้ามาตั้งเครือข่ายจำหน่ายยาเสพติดในราชอาณาจักร มีการแบ่งหน้าที่กันทำและลักลอบขายยาเสพติดประเภทโคเคนให้กับกลุ่มลูกค้าคนไทยและคนต่างชาติในพื้นที่ใจกลางกรุงเทพมหานคร เริ่มตั้งแต่การลักลอบขนโคเคนจากต่างประเทศ เข้ามาในประเทศไทยโดยวิธีการต่างๆ เช่น การซุกซ่อนมาตามสัมภาระ กระเป๋าเดินทาง หรือตามตัวบุคคลที่เดินทางมาในลักษณะของนักท่องเที่ยวหรือนักเดินทาง รวมไปถึงการกลืนโคเคนลงช่องท้องตัวเองเพื่อหลบซ่อนการถูกตรวจค้นจากเจ้าหน้าที่สนามบิน และในบางกรณีก็มีการใช้หญิงไทยเป็นเครื่องมือในการลักลอบนำเข้าโคเคนอีกด้วย จากพฤติกรรมดังกล่าวจึงถือว่าเข้าข่ายเป็นอาชญากรรมข้ามชาติอีกประเภทหนึ่ง


​ตำรวจสอบสวนกลาง เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาอาชญากรรมที่เกิดจากชาวต่างชาติกลุ่มนี้
ซึ่งลักลอบซื้อขายยาเสพติดในประเทศไทยโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดอาชญากรรมดังกล่าวเกิดขึ้น และเป็นการสร้างสังคมที่ปลอดยาเสพติดให้เเก่ประชาชน พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จึงได้สั่งการให้ตำรวจสอบสวนกลาง ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว


โดยในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปราม สามารถสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่งสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ทั้งหมด 5 ราย ตรวจยึดของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) จำนวน 148 หน่วย น้ำหนักรวมบรรจุหีบห่อ 413.59 กรัม มูลค่ายาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) จำนวนเงิน 1,000,000 กว่าบาท นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.1 บช.ปส.ดำเนินคดีต่อไป


ตำรวจสอบสวนกลางจึงขอฝากเตือนภัยให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อของชาวต่างชาติ
ที่ชักชวนให้เข้าร่วมขบวนการค้ายาเสพติด หรือลำเลียงยาเสพติด อันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
โดยชาวต่างชาติกลุ่มนี้จะทำทีเข้ามาติดต่อในรูปแบบของคนรัก หรือการขอแต่งงาน โดยหวังใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ในการจำหน่ายยาเสพติด
ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้จำหน่ายยาเสพติดให้กับคนในวงการบันเทิง ไฮโซ และคนมีชื่อเสียงหลายราย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการขยายผลเครือข่ายการจำหน่ายยาเสพติดของผู้ต้องหาต่อไป