191 รวบทันควัน พ่อค้าขายไส้กรอกปิ้งคิดสั้นปืนจี้ร้านทองชิงสร้อย 1 บาทวิ่งหนีก่อนจนมุม

ช่วงสายที่ผ่านมา ตำรวจสายตรวจปฎิบัติการพิเศษ หรือ 191 เข้าควบคุมตัว นายสหวัสส์ กุศลกิจเจริญ อายุ 33 หลังก่อเหตุบุกร้านทองใช้อาวุธปืนขนาด .38 เข้าไปจี้ชิงทองรูปพรรณน้ำหนัก 1 บาท จากร้านทอง อุดมพรรณ 5 หน้าตลาดบางแค

โดยจากการสอบปากคำนายวิศวชิต สถาพรเสริมสุข พนักงานห้างทองอุดมพรรณ 5 ที่อยู่ในเหตุการณ์ระบุว่า ขณะที่ตัวเองให้บริการลูกค้าตามปกติอยู่ในร้านซึ่งยังไม่มีลูกค้าจากนั้นคนร้ายได้เดินเข้ามาหันไปหาพนักงานผู้หญิงที่ยืนอยู่กับตนเองพร้อมกับบอกว่าขอทอง ซึ่งตนเองสังเกตว่ามือของคนร้ายถือปืนอยู่ด้านหลัง ซึ่งคนร้ายบอกให้ตนเองหยิบทองส่งให้เพื่อจะเอาไปให้ภรรยา ตนเองจึงถามว่าจะเอาเส้นไหนคนร้ายบอกเส้นไหนก็ได้ตนเองจึงเลือกเลือกทองน้ำหนัก 1 บาท ส่งให้ก่อนคนร้ายจะรับไปพร้อมกับกล่าวว่าขอบคุณครับ และเดินออกไปหน้าร้านพร้อมกับเอาสร้อยทองสวมคอหลบหนีออกไป หลังจากนั้นตนเองจึงแจ้ง 191 ให้ติดตามจับตัวคนร้าย จนเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้

ภายหลังการจับกุมเจ้าหน้าที่พบของกลางเป็นอาวุธปืนขนาดจุด 38 พร้อมกระสุนปืนที่บรรจุอยู่ในรังเพลิงจำนวน 6 นัดและในตัวของผู้ต้องหาอีก 45 นัดต้องหารวมทั้งหมด 51 นัด และสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทที่ผู้ต้องหาชิงทรัพย์มา พร้อมกับพบยาเสพติดกัญชาจำนวน 1 ห่อ โดยเจ้าหน้าที่สอบปากคำ นายสหวัสส์ ให้การรับสารภาพว่า ตนเองเคยมีอาชีพขายไส้กรอกมีรายได้วันละ 300-400 บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอเนื่องจากต้องดูแลภรรยาและลูกอีก 3 คน ที่มีอายุ 9 ขวบ 10 ขวบและ 11 ขวบ จึงตัดสินใจก่อเหตุเพื่อต้องการนำสร้อยทองไปให้ภรรยาเพราะที่บ้านไม่มีเงินเหลือแล้ว ซึ่งการก่อเหตุในครั้งนี้ไม่ได้มีการเตรียมการมาก่อนหน้า เป็นการตัดสินใจก่อเหตุทันที ที่สบโอกาส ส่วนอาวุธปืนเป็นของพ่อที่เสียชีวิตไปแล้วมอบไว้ให้และตนเองพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนายสหวัสส์ ยืนยันว่า ขณะก่อเหตุไม่ได้เอาอาวุธปืนออกมาจี้ผู้เสียหาย แต่บอกว่าจะมาปล้นและให้ส่งทองมาไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายใคร จากนั้นได้เดินออกมาจากร้านพร้อมสร้อยคอทองคำก่อนจะไปถูกจับดังกล่าว ทั้งนี้ยังยอมรับว่าตนเองมีการเสพกัญชาทุกวัน

ในเวลาต่อมาตำรวจได้คุมตัว นายสหวัสส์ ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพภายในร้านทองที่เกิดเหตุ โดยจุดแรกคนร้ายได้นำจักรยานยนต์มาจอดที่บริเวณหน้าร้านก่อนเดินเข้าไปในร้าน จุดที่ 2 คนร้ายใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงานขายให้ส่งทองให้ แล้วเดินออกมา โดยทิ้งรถจักรยานยนต์ที่ขับขี่มาพร้อมกุญแจไว้ที่หน้าร้านทอง ส่วนชุดที่ 3 คนร้ายได้เดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามที่เกิดเหตุเพื่อหลบหนี

ขณะที่ นางสาววัชรี เกิดโภคา แม่ค้าที่ขายของอยู่หน้าร้านทอง และเห็นเหตุการระบุว่า เห็นคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าบ้านของตนเองที่ขายของอยู่บริเวณหน้าร้านทองซึ่งมีลักษณะท่าทางแปลกๆก่อนที่คนร้ายจะเดินเข้าไปในร้านแล้วเดินออกมาพร้อมอาวุธปืนผ่านตนเองออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซึ่งตนเองคิดว่าจะบันทึกภาพแต่เมื่อเห็นอาวุธปืน จึงเกรงว่าจะถูกทำร้ายจึงไม่กล้าที่จะบันทึกภาพคนร้าย ซึ่งคนร้ายคนนี้ตนเองไม่เคยเห็นว่าเคยมาดูลาดเลาหรือมาที่ร้านทองก่อนหน้านี้มาก่อนแต่อย่างใด

ด้านพลตำรวจตรีโชคชัย งามวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลระบุว่า หลังจากเกิดเหตุตำรวจได้รับแจ้งทางสายด่วน 191 ซึ้งขณะนั้นนั้นรถสายตรวจของกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษหรือ 191 ที่อยู่ระหว่างการออกตรวจพร้อมด้วยฝ่ายสืบสวน สน.เพชรเกษม มายังจุดเกิดเหตุและได้มีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสว่าคนร้ายวิ่งไปในซอยนำกำลังวิ่งตามเขาไป พบว่าคนร้ายอยู่ภายในบ้านจึงได้ตะโกนบอกคนร้ายให้มอบตัว จนกระทั่งคนร้ายได้เดินออกมาพร้อมอาวุธปืนเหน็บอยู่ที่เอวและยกมือชุดจับกุมจึงได้เข้าควบคุมพร้อมปลดอาวุธปืน พร้อมกับยึดของกลางและจับกุมได้ดังกล่าวซึ่งการปฏิบัติการครั้งนี้ใช้เวลาเพียง 10 นาที ในการจับกุมตัวคนร้ายรายนี้

เบื้องต้น ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหา ชิงทรัพย์ , มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือ ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต