ตำรวจสอบสวนกลาง รวบสาวใหญ่หลอกเหยื่อร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานเเสงอาทิตย์ สูญเงินกว่า 10 ล้านบาท

ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรม และคำสั่งกองบัญชาการสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วไป และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและเป็นภัยสังคม

กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ปอศ. สั่งการให้ พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.1 บก.ปอศ., พ.ต.ท.วีระพงษ์  หอมหวล รอง ผกก.1 บก.ปอศ. 

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.สรัล ยศพลพิเนต สว.กก.1 บก.ปอศ. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ.

ร่วมกันจับกุม น.ส.ภัทรวดี (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาธนบุรี ที่ 562/2564 ลง 29 ตุลาคม 2564 ซึ่งต้องหาว่า “ใช้เอกสารสิทธิปลอม, ฉ้อโกง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น”

สถานที่จับกุม ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 ผู้ต้องหาได้ออกอุบายหลอกลวงผู้เสียหาย โดยอ้างว่าตนกำลังจะทำการซื้อขายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แล้วนำไปขายต่อให้กับนายทุนอีกทอด เพื่อเอากำไร จึงได้ชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนเพื่อจะนำเงินไปซื้อโรงงานไฟฟ้าซึ่งจะได้กำไรร้อยละ 20 ของเงินลงทุน โดยได้มีการนำสัญญาจะซื้อจะขายปลอมมาหลอกเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ จนทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ มอบเงินจำนวนกว่า 3 ล้านบาท ให้กับผู้ต้องหาไปเพื่อร่วมลงทุน

ต่อมาผู้เสียหายได้มีการติดตามการซื้อขาย แต่ถูกผู้ต้องหาบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด จึงได้โทรศัพท์ไปตรวจสอบกับโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และบริษัทของนายทุนตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง แต่พบว่าไม่มีการจะซื้อจะขายกิจการแต่อย่างใด จึงไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จนกระทั่งวันที่ 17 พ.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ. สืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาได้เดินทางมาที่ ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังเข้าจับกุม จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่าได้ก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายจริง โดยออกอุบายหลอกลวงและไม่ได้มีการจะซื้อจะขายธุรกิจตามที่อ้างแต่อย่างใด

ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหาเคยกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง โดยพบว่ายังมีหมายจับที่ต้องการตัวของศาลแขวงปทุมวัน ที่ 83/2564 ลงวันที่ 9 กันยายน 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง”และมีบางคดีที่ผู้เสียหายเป็นโจทย์ฟ้องคดีเอง โดยกำลังฟ้องร้องอยู่ในชั้นพิจารณาคดีของศาล ความเสียหายรวมกว่า 10 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้รับแจ้งเบาะแสเพิ่มเติมอีกว่า ผู้ต้องหายังมีพฤติการณ์หลอกเอารหัสบัตรเครดิตของผู้อื่นไปทำการถอนเงินสดออกตามสถานที่แลกเงินเถื่อนอีกด้วย

ตำรวจสอบสวนกลาง จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาทั้งเรื่องการลงทุน และเรื่องบัตรเครดิต ให้ระมัดระวังการทำธุรกรรมต่างๆ ทั้งนี้ขอเตือนภัยประชาชน การใช้งานบัตรอิเล็คทรอนิคส์หรือบัตรเครดิต ไม่ควรถ่ายรูปส่งให้ผู้อื่น เพราะอาจสูญเสียเงินในบัญชี

สุดท้ายนี้หากประชาชนท่านใดมีเบาะแส หรือได้รับความเดือนร้อนจากการกระทำในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลเข้ามาได้ที่ บก.ปอศ. ถ.สาทร แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. 10500 โทร. 022341068 หรือเพจเฟซบุ๊ค กก.1 บก.ปอศ.