วันนี้ 15 พ.ย.64 เวลา 19.45 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ ผบก.รฟ. พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.รฟ. พ.ต.อ.ขวัญชัย พัฒรักษ์ ผกก.2 บก.รฟ. พ.ต.ท.จักรพันธ์ จันวนา รอง ผกก.2 บก.รฟ. และ พ.ต.ท.เอนก ยอดหมวก รอง ผกก.2 บก.รฟ.
ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ต.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์ สว.ฝอ.5 บก.อก.บช.ก.รรท.สว.ส.รฟ.อยุธยา กก.2 บก.รฟ., พร้อมชุดสืบสวน ส.รฟ.อยุธยา กก.2 บก.รฟ.
ร่วมกันจับกุมตัวนายสุจิตร์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี ชาว จ.กรุงเทพ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 130/2562 ลง 29 เมษายน 2562 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พระราชบัญญัติศุลกากร,พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด”
โดยพฤติการณ์ในคดีนี้ ผู้ต้องหาเป็นกรรมการบริษัทนำเข้าสารเคมี (PVC) เพื่อทำพลาสติกส่งออกให้ต่างประเทศ โดยการนำเข้าได้มีกระบวนการหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรเกิดขึ้น จนถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ตาม พรบ.ศุลกากรฯ มาตรา 27 ซึ่งผู้ที่นำพาหรือพาของที่ยังมิได้เสียภาษี หรือของต้องจำกัด หรือของต้องห้าม หรือที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักรไทยก็ดี หรือช่วยเหลือประการใดๆ ในการนำเข้าของเช่นว่านี้เข้ามาหรือส่งออกไปก็ดีฯ หรือเกี่ยวข้องด้วยประการใดๆ ในการหลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษีศุลกากรฯ มีโทษสำหรับความผิดครั้งหนึ่งๆ ให้ปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และ มาตรา 96 ถ้าในเวลาใดเวลาหนึ่ง ปรากฏว่าของในคลังสินค้ามีปริมาณน้อยลงกว่าที่จดไว้ในใบขนสินค้าเดิมเมื่อนำของนั้นเข้าเก็บ และปริมาณที่ต่างกันนี้ไม่มีเหตุผลปรากฏในบันทึกของพนักงานฯ ให้ถือว่าของตามปริมาณที่ต่างกันอันแสดงเหตุมิได้นั้น เป็นของที่ได้ย้ายขนไปโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงาน ให้ใช้ มาตรา 27 บังคับแก่กรณีนี้
ผู้ต้องหาได้ต่อสู้คดีความจนชนะในศาลชั้นต้น และชั้นอุทธรณ์ ต่อมาอัยการได้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา สุดท้ายศาลฎีกาพิพากษาลงโทษให้จำคุก 1 ปี และปรับเป็นเงินจำนวน 175,657,455.88 บาท ผู้ต้องหาจึงได้หลบหนีจนกระทั่งถูกศาลออกหมายจับดังกล่าว
ต่อมาชุดสืบสวน ส.รฟ.อยุธยา กก.๒ บก.รฟ. ได้ออกสืบสวนหาข่าวจนทราบว่าผู้ต้องหาได้เดินทางด้วยขบวนรถไฟ จึงได้วางกำลังเข้าจับกุมได้บนรถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ 9 (กรุงเทพ-เชียงใหม่) ขณะหยุดรับส่งผู้โดยสารที่สถานีรถไฟอยุธยา จึงได้ควบคุมตัวเพื่อทำบันทึกจับกุม ณ ส.รฟ.อยุธยาฯ แล้วนำตัวส่งศาลดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป