ตร.ภาค 5 รวบเครือข่ายค้ามนุษย์ ลวงคนไทยบังคับทำงาน Scammer ฝั่งเพื่อนบ้าน

ตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายค้ามนุษย์ลวงคนไทยไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน สุดท้ายบังคับให้เป็น Scammer หลอกเอาเงินประชาชน

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิเชษฐจิระนันตสิน รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ภ.จว.เชียงราย , บก.สส.ภ.5 และ ศพดส.ภ.5 พร้อมหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เข้าทำการจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุประมาณ 25 ปี ชาวจังหวัด ภูเก็ต ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงราย ที่ 212/2564 ลง 11 พฤศจิกายน 2564 โดยถูกจับกุมตัวที่ ต.กุยบุรี อ.กุยบุรี จว.ประจวบคีรีขันธ์ ในความผิดฐาน “ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป หรือโดยสมาชิกขององค์กรอาชญากรรม เพื่อกระทำการค้ามนุษย์แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการฯ” อัน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 และพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556

พฤติการณ์กล่าวคือ ก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งข้อ มูลว่ามีชายไทยติดต่อขอความช่วยเหลือและกำลังติดอยู่ที่ประเทศลาวไม่สามารถเดินทางออกไปไหนได้และถูกบังคับให้ทำงานเกี่ยวกับ Scammer (หลอกลวงคนไทยในประเทศไทยให้ลงทุนหรือโอนเงินให้บริษัท) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบเข้าทา การช่วยเหลือและคุ้มครองชายไทยดังกล่าวไว้ได้ จากนั้นได้ทำการสืบสวนเรื่อยมา จนกระทั่ง ทราบว่า มีกลุ่มขบวนการชาวไทยและต่างประเทศ คอยทำหน้าที่จัดหา ชักชวน หลอกลวง คนไทยให้ไป ทำงานยังประเทศเพื่อนบ้าน คือ ลาว เมียนมา กัมพูชาโดยจะหลอกลวงว่า เป็นงานเกี่ยวกับการใช้ระบบอินเตอร์เน็ต มีหน้าที่คอยช่วยบริษัทในการลงทุน ในตลาดหุ้น หรือ Crytocurrency พร้อมกับหลอกลวงว่าจะได้รับรายได้สูง จากนั้นจะนัดหมายให้คนไทยที่สนใจไปทำงาน เตรียมตัวเดินทางข้ามชาติแดน แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 จุดผ่านตามแนวชายแดนจึงยังไม่เปิดตามปกติ

คนร้ายจึงแอบติดต่อกับขบวนการลักลอบพาคนข้ามประเทศแบบผิดกฎหมายอาศัยช่องทางธรรมชาติต่างๆ โดยแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ภายในประเทศไทย จนกระทั่งถึง อาคารที่พัก หรือที่ทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน จากนั้น เมื่อคนไทยที่ถูกหลอกให้มาทำงานแล้ว จะถูกบังคับให้ ทำงานเกี่ยวกับ ระบบ Scammer โดยให้มีการสร้างตัวตนปลอมขึ้นมาแล้ว พยายามติดต่อไปยังคนไทยที่อยู่ใน ประเทศไทย พูดคุยผ่านแอพพลิเคชั่น ต่างๆ หลอกลวงให้หลงเชื่อเพื่อให้ทำการมาลงทุนหรือโอนเงินมาให้กับทางบริษัท ที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งในคดีนี้เป็นกรณีที่ผู้เสียหายถูกหลอกลวงให้ไปทำงานยัง ประเทศลาว ซึ่งเบื้องต้น เชื่อว่า มีนายทุนเป็นชาวจีน เป็นเจ้าของบริษัท ตั้งอยู่ในเขตย่าน คาสิโน คิงส์โรมัน แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาวละจากการสืบสวนยังพบว่ามีคนไทยอีกจำนวนหนึ่งที่ถูกหลอกให้มาทำงานในลักษณะนี้ และยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ซึ่งพฤติการณ์การหลอกลวงดังกล่าว เป็นรูปแบบของการแสวงหาผลประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ หรือการอื่นใดอันคล้ายคลึงกัน อันเป็นการขูดรีดบุคคล

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 เผยว่า ยังมีกลุ่มคนไทยที่ถูกแก๊ง Scammer นี้ หลอกลวงให้ลงทุน และโอนเงินอีกหลายราย รวมความเสียหายเป็นมูลค่าหลายล้านบาท ซึ่งความผิดในส่วนแรกจะมีลักษณะเป็นแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ จะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และในส่วนที่ 2 ก็เป็นความผิดฐาน “ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป หรือโดยสมาชิกขององค์กรอาชญากรรม เพื่อกระทำการค้ามนุษย์แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการฯ” และ ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น ตาม ป.อาญา ม.338 โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ ศพดส.ภ.5 สืบสวนขยายผล จับกุมเครือข่าย ผู้สั่งการ และผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รวจภูธรภาค 5 ขอประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชน ให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้

  1. ขอให้ตรวจสอบข้อมูลการไปทำงานยังต่างประเทศให้รอบคอบ ซึ่งอาจตกเป็นเหยื่อของกลุ่มขบวนการการค้ามนุษย์ที่จะนำไปบังคับใช้แรงงานอย่างผิดกฎหมาย
  2. ฝากเตือน ขอให้อย่าหลงเชื่อจากบุคคลทั่ว ไป ที่มักเข้ามาทักทายผ่านช่องทางสื่อโซเชียลต่างๆ โดยมักจะชักชวน ตีสนิท แล้วหลอกให้ไปลงทุน หรือโอนเงินให้ จึงแนะนำหากจะลงทุนขอให้ลงทุนผ่านสถาบัน ที่น่าเชื่อถือและพิสูจน์ได้พร้อมกับ ใช้สื่อโซเชียลอย่างมีสติและรอบคอบ
    3.สามารถแจ้งข้อมูลข่าวสาร และเบาะแสต่างๆ ได้ที่สายด่วน 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง