จับกุมหญิงหลอกอ้างเป็นตำรวจ เอาเงินกว่า 200,000 บาท ส่ง สภ.สันกำแพง จว.เชียงใหม่

วันที่ 28 ต.ค.2564 เวลา 11.30 น. กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.๕ ได้แถลงผลการปฏิบัติตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. ในการสืบสวน ปรามปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่างๆ เกี่ยวกับการถูกหลอกลวง หรือฉ้อโกง ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ ดังต่อไปนี้

พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2562 นายประเสริฐ พรหมเทศ อายุ 60 ปี ผู้เสียหาย ได้แจ้งความร้องทุกข์ ดำเนินคดีกับ นางระพีพัฒน์ งามสง่า หรือนางกัญญาภัทร งามสง่า(เปลี่ยนชื่อภายหลัง) ผู้ต้องหา ในข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ” กล่าวคือ ผู้เสียหาย รู้จักกับ ผู้ต้องหา ทางเฟสบุ๊ก และพูดคุยกันทางไลน์ โดยผู้ต้องหา อ้างตนเองว่า เคยเป็นตำรวจแต่ลาออกมาแล้ว ตอนนี้อายุ 39 ปี และประกอบอาชีพส่วนตัว และเอาภาพถ่ายของ หญิงสาวคนอื่นที่แต่งเครื่องแบบตำรวจหาจากอินเตอร์เน็ตทั่วไป ส่งมาให้ดูทางไลน์และหลอกผู้เสียหายว่า จะมาอยู่กับผู้เสียหาย ในลักษณะชอบพอกันฉันชู้สาว แต่ได้หลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินไปให้จำนวนหลายครั้ง โดยอ้างว่าเป็นค่าใช้จ่าย(ผู้ต้องหาอ้างขึ้นมาเอง) เช่น ค่าประกันตัวน้องชายที่ถูกจับเรื่องยิงคนตาย , ค่าไปช่วยงานศพ, ค่าซ่อมรถ , ค่าขับรถชนคนเสียชีวิต ฯลฯ แล้วก็ยืนยันว่าจะมาอยู่กับผู้เสียหายและช่วยทำธุรกิจ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ และโอนเงินไปให้จำนวน 20 กว่าครั้ง รวมทั้งสิ้น 223,000 บาท

หลังจากนั้นเมื่อ วันที่ 29 พ.ย.2563 จึงทราบว่า ข้อมูลดังกล่าวข้างต้น ไม่เป็นความจริงเลย ความจริงคือ ผู้ต้องหา อายุ 57 ปี ไม่เคยเป็นตำรวจมาก่อนเลย ผู้ต้องหามีอาชีพ เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยบริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ภาพต่างๆในไลน์ ที่พูดคุยกัน ก็เอาภาพของหญิงสาวคนอื่นๆที่หาได้จากอินเตอร์เน็ตส่งมาให้ผู้เสียหายดู พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าว ซึ่งศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าว ตามหมายจับที่ 466/2564 ลง 30 ก.ค.2564 ในข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์ โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” และ ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษสามารถติดตามจับกุมตัว ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีนี้ ส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.สันกำแพง จว.เชียงใหม่ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
บช.ภ.5 ได้กำชับให้ทุกหน่วยในสังกัดติดตามจับกุมเหล่ามิจฉาชีพที่ใช้รูปแบบฉ้อโกงในลักษณะดังกล่าว ไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนโดยรวม