เนื่องด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ตระหนักถึงปัญหาการค้ามนุษย์ที่เกิดขึ้น จึงสั่งการไปยังหน่วยงานความมั่นคง และทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ให้ติดตามข่าวเชิงลึกในด้านความเชื่อมโยงของขบวนการค้ามนุษย์ต่างๆ พร้อมทั้งให้มีการประสานปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดรับแจ้งข้อมูลเบาะแสจากภาคประชาชน ทำการพิสูจน์ทราบพร้อมเปิดปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการเครือข่ายค้ามนุษย์อย่างจริงจังต่อเนื่อง
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้กำชับทุกหน่วยงานในสังกัดขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลในการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ สืบสวนขยายผล โดยมอบหมายให้ ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลัก ต่อมาจึงได้ร่วมมือกันกับ กรมการปกครอง และ องค์การโอเปอร์เรชั่น อันเดอร์กราวด์ เรลโรด (OUR) สืบสวนในกรณีที่ได้รับการร้องเรียนว่ามีผู้ใช้เฟสบุ๊กรายหนึ่ง มีพฤติการณ์ชักชวนให้บุคคลทั่วไป ให้มาซื้อบริการทางเพศเด็กผู้หญิงอายุตั้งแต่ 13-18 ปี กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ จึงเริ่มสืบสวนโดยให้เจ้าหน้าที่แฝงตัวเข้าเป็นสมาชิกไลน์กลุ่มที่มีผู้ต้องหาเป็นแอดมิน ทำให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่สามารถยืนยันได้ว่า กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีเด็กและเยาวชน จากนั้นจึงได้ทำการสืบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาค้ามนุษย์ได้กว่า 1๐ คดี เครือข่ายผู้ต้องหากว่า 1๐ ราย
ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผู้อำนวยการศูนย์ฯ, พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผู้อำนวยการศูนย์ฯ, พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผู้อำนวยการศูนย์ฯ, พล.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./หน.ชป.ต่อต้านการค้ามนุษย์ในประเทศไทย ตร. (TATIP) และ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา รอง ผบช.ก. ได้สั่งการให้ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ นำโดย พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผบก.ปคม. ร่วมกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดย นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับเครือข่ายผู้กระทำความผิดทั้งระบบ ซึ่งจากการสืบสวนพบว่ามีเครือข่ายโมเดลลิ่ง ที่นำเด็กมาขายบริการทางเพศในสื่อสังคมออนไลน์อยู่ทั่วประเทศ จนสามารถดำเนินคดีค้ามนุษย์กับกลุ่มผู้ต้องหาได้จำนวน 1๖ คดี ผู้ต้องหา 1๘ ราย (จับกุมได้ทั้ง ๑๘ ราย) และสามารถช่วยเหลือผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กได้จำนวน 1๑ ราย และยังพบข้อมูลว่ามีกลุ่มผู้ที่อาจถูกแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบกว่า 40 ราย
ต่อมาในวันนี้ (28 ตุลาคม 2564) กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กรมการปกครอง, กรมสอบสวนคดีพิเศษ, เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) และองค์การ OUR ได้ร่วมกันสนธิกำลังปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจับกุม (Operation) ผู้ต้องหาขบวนการค้ามนุษย์เครือข่ายโมเดลลิ่งขายบริการทางเพศเด็กออนไลน์ จำนวนทั้งสิ้น ๖ เป้าหมาย แบ่งเป็นผู้ต้องหาที่นำพาเด็กหญิงมาขายบริการทางเพศ จำนวน ๔ เป้าหมาย ในความผิดฐาน ”สมคบกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีโดยกระทำแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีฯ” ตามหมายจับของศาลอาญา จำนวน ๔ ราย ได้แก่
1.)น.ส.พัชรพรฯ หรือ โมหมวยลี่ อายุ 21 ปี อยู่ที่ จ.กำแพงเพชร
2.)น.ส.สุธิดาฯ หรือ โมข้าว อายุ 21 ปี อยู่ที่ จ.ชลบุรี
3.)น.ส.อรอนงค์ฯ หรือ โมมิ้น อายุ 24 ปี อยู่ที่ กรุงเทพมหานคร
4.)น.ส.ลภัสรดาฯ หรือ โมนก อายุ 4๑ ปี อยู่ที่ กรุงเทพมหานคร
และผู้ซื้อบริการทางเพศเด็กหญิงอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี อีก 2 เป้าหมาย ในความผิดฐาน“พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารฯ” จำนวน 2 ราย ได้แก่
1.)นายณรงค์เวทย์ฯ อายุ 45 ปี อยู่ที่ กรุงเทพมหานคร
2.)นายอัครเดชฯ อายุ 31 ปี อยู่ที่ จ.ปทุมธานี
ทั้งนี้ภายใต้ยุทธการดังกล่าวยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาค้างเก่าในความผิดฐานค้ามนุษย์ฯ ซึ่งมีการกระทำความผิดในรูปแบบเดียวกัน ตามหมายจับของศาลอาญา ได้อีกจำนวน ๔ ราย ได้แก่
น.ส.เครือฟ้าฯ หรือ โมอชิ อายุ ๒๔ ปี อยู่ที่ จ.ตรัง
นายสมชายฯ หรือ โมป๊า ATM AGENCY อายุ 60 ปี อยู่ที่ กรุงเทพมหานคร
น.ส.พิชาวีร์ฯ หรือ โมวาย อายุ ๔๔ ปี อยู่ที่ กรุงเทพมหานคร
น.ส.นัฐภัทสกรฯ หรือ โมภัทร อายุ 40 ปี อยู่ที่ กรุงเทพมหานคร
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาทั้งหมดเบื้องต้น ให้การภาคเสธ
กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ จึงขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยแก่พี่น้องประชาชนทั่วไปดังนี้
- ฝากเตือนผู้ปกครองของเด็กหญิงทั่วไปที่มีบุตรหลานเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ขอให้สังเกตพฤติกรรมของบุตรหลานว่ามีการใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยเกินตัวกว่ารายได้ที่ผู้ปกครองมอบให้หรือไม่ และควรมั่นตรวจสอบการใช้สื่อออนไลน์ของบุตรหลานว่ามีความผิดปกติน่าสงสัยหรือไม่ อย่างไร ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เด็กหลงเข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์เช่นนี้
- ฝากเตือนเด็กเยาวชนที่คิดจะกระทำผิดเช่นนี้ เพียงเพราะเห็นแก่เงินรายได้ไม่เท่าไหร่ และคิดว่าทำไปก็ไม่มีใครรู้ ให้พึงระลึกว่าแม้วันที่กระทำผิดอาจจะไม่มีใครรู้หรือถูกจับได้ แต่ร่องรอยพยานหลักฐานต่างๆของการกระทำผิดนี้ จะยังคงมีอยู่ตลอดไป และหากวันใดที่ผู้ปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบ ก็อาจถูกนำกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้
- ฝากเตือนผู้ซื้อบริการทางเพศ อย่าเพียงเพราะเห็นแก่ความสนุกชั่วครั้งชั่วคราว และคิดว่ากระทำไปแล้วไม่มีใครรู้หรือจับได้ ขอให้พึงระลึกเช่นกันว่าพยานหลักฐานการกระทำผิดก็จะยังคงอยู่ และสามารถนำมาดำเนินคดีได้ในภายหลังภายในอายุความ
- ฝากเตือนผู้ที่คิดจะตั้งตัวเป็นเอเย่นต์หรือนายหน้าค้าบริการทางเพศเด็ก เพียงเพราะเห็นแก่รายได้ส่วนต่างจากการค้าประเวณี ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ และเป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูง จำคุกกว่า10ปี อีกทั้งคดีดังกล่าวมีอายุความถึง 20 ปี
สุดท้ายนี้หากประชาชนท่านใดมีเบาะแส หรือได้รับความเดือนร้อน จากการกระทำในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลเข้ามาได้ที่ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ชั้นที่ 4 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210 โทร 0 2142 1068, สายด่วน 1191 หรือเพจเฟสบุ๊ค กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ “เป็นมืออาชีพด้วยเทคโนโลยีทันสมัย คืนคุณค่าความเป็นคน ประชาชนได้พึ่งพา”
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ อ่อนตา ผกก.2 บก.ปคม.