ข่าวปลอม หมวดยิ้ม ทศพร แก้วเกิด ผู้กู้ข้อมูลกล้องวงจรปิดคดีอดีตผกก. โจ้ จมน้ำเสียชีวิตแล้ว

วันที่ 30 ส.ค. 64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่ามีการ ตรวจพบ ข่าวปลอม เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวสารถึงประเด็นเรื่องหมวดยิ้ม ทศพร แก้วเกิด ผู้กู้ข้อมูลกล้องวงจรปิดคดีอดีตผกก. โจ้ จมน้ำเสียชีวิตแล้ว ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ สภ.เมืองนครสวรรค์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

จากกรณีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ระบุว่าร่วมส่งฮีโร่ขึ้นสวรรค์หมวดยิ้ม “นายทศพร แก้วเกิด” ผู้กู้ข้อมูลให้กล้องวงจรปิดในคดีอดีตผู้กำกับโจ้ จมน้ำเสียชีวิตแล้ว ทางสภ.เมืองนครสวรรค์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวว่า ข่าวสารที่ถูกแชร์ออกไปไม่เป็นความจริง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ได้ตรวจสอบกับงานกำลังพลตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ และตรวจสอบกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ โดยตรวจสอบชื่อสกุลหมวดยิ้มหรือทศพร แก้วเกิด ในสารระบบไม่พบชื่อหรือนามสกุลนี้ พร้อมทั้งตรวจสอบชุดปราบปรามยาเสพติดภูธรเมืองนครสวรรค์ก็ไม่พบชื่อนามสกุลดังกล่าว ทั้งชื่อเล่นและชื่อจริง รวมถึงได้ตรวจสอบกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ก็ไม่มีรับแจ้งเหตุคนจมน้ำเสียชีวิตในวันเวลาดังกล่าว

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://www.royalthaipolice.go.th หรือโทร 1599

บทสรุปของเรื่องนี้ : จากการตรวจสอบกับงานกำลังพลตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ และตรวจสอบกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ รวมถึงชุดปราบปรามยาเสพติดภูธรเมืองนครสวรรค์ไม่พบชื่อสกุล หมวดยิ้มหรือทศพร แก้วเกิด ในสารระบบ ทั้งชื่อเล่นและชื่อจริง อีกทั้งก็ไม่มีรับแจ้งเหตุคนจมน้ำเสียชีวิตในวันเวลาดังกล่าว

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”