ผกก.สภ.บางละมุง สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ อาสาโหด ปืนจ่อ ตบกำเดาพุ่ง ยังปฏิเสธ ลั่นให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

จากกรณีพ่อพาลูกชายวัย 14 ปีร้องเรียนกับสื่อมวลชน หลังถูกอาสาสมัครตำรวจ สังกัด สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ขี่รถจยย.ไล่กรวด ก่อนจะถีบรถจนล้มแล้ว ชักปืนจ่อหัว ท้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ แล้วล็อคกุญแจมือโยงติดท้ายรถจยย. คุมตัวเข้าตู้ยาม ตบซ้ำกำเดาพุ่ง สุดท้ายเจอตำรวจรู้จักปล่อยกลับบ้าน โดยไม่ดำเนินคดี ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น


ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 26 สิงหาคม 2564 พ.ต.อ.ศักดิ์ชาย สุวรรณนุกูล ผกก.สภ.บาละมุง จ.ชลบุรี ได้ออกมาชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า หลังทราบเรื่องได้เรียกตัวเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ทั้ง 4 นายมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงแล้ว ทราบว่าในช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นเป็นห้วงเวลาของเคอร์ฟิวส์ เด็กวัยรุ่นขี่จยย.ยกล้อ 2 คัน เมื่อเด็กเห็นเจ้าหน้าที่ก็เร่งเครื่องหลบหนี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขับรถยนต์ติดตามพร้อมกับเจ้าหน้าที่อาสาขี่จยย.ไล่ตามไป จังหวะนั้นวัยรุ่นได้เสียหลักล้มเอง แล้วมีเลือดไหลออกมาก โดยอาสาไม่ได้ถีบ และไม่มีการพกพาอาวุธปืนแต่อย่างใด จากนั้นก็ได้คุมตัวเด็กขึ้นรถจยย. แต่เกรงว่าเด็กจะหลบหนี จึงพันธนาการด้วยกุญแจมือติดกับท้ายรถไปยังตู้หนองเกตุน้อย เมื่อพบเจอกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ป้อมซึ่งรู้จักกับพ่อของเด็ก ก็โทรติดต่อพ่อเด็กแต่ไม่รับสายจึงพาเด็กส่งกลับที่พัก ซึ่งตอนนี้อาสาสมัครทั้ง 4 รายยังให้การปฏิเสธว่าไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเด็กแต่อย่างใด
ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง โดยอาสานั้นไม่สามารถพกพาอาวุธปืนได้อยู่แล้ว ซึ่งกลุ่มอาสาชุดนี้ทั้งหมดรวม 56 นาย ได้ผ่านการอบรมทุกขั้นตอนตามระเบียบของกรมตำรวจแห่งชาติ มีการตรวจสอบประวัติ มีบุคคลรับรองความประพฤติ เมื่อผ่านการอบรมครบตามหลักเกณฑ์แล้วก็จะได้รับวุฒิบัตร ก่อนจะออกคำสั่งให้ช่วยเจ้าพนักงาน ต้องสวมใส่เครื่องแบบตามกฎหมาย เรื่องการใส่กุญแจมือนั้นจริงแล้วจะทำเมื่อจำเป็นเท่านั้น ส่วนข้อเท็จจริงทางคดีก็ต้องว่ากันตามหลักฐาน แต่ในเบื้องต้นได้ได้พักการปฏิบัติหน้าที่ของอาสาสมัครทั้ง 4 คนแล้ว ยืนยันว่าจะต้องได้รับความเป็นธรรมของทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน


อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่อาสาสมัครตำรวจนั้น เห็นได้ว่าจะทำงานช่วยเจ้าพนักงานอยู่เกือบทุกสถานี ซึ่งบางรายได้รับการอบรมอย่างถูกต้องตามหลักสูตรแล้ว แต่มีบางรายที่ยังไม่ได้รับการอบรม และทำนอกเหนือคำสั่งของเจ้าหน้าที่ จนกระทั้งสร้างภาพลักษณ์ที่เสียหายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้วหลายครั้ง จึงอยากให้มีการตรวจสอบเข้มงวดเพื่อความมั่นใจของประชาชน รวมถึงภาพลักษณ์ที่ดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย