ผบ.ตร.สั่งเร่งดำเนินการให้ ผู้กำกับโจ้ ออกจากราชการไว้ก่อน หากพบผิดจริงเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหาทันที

จากกรณีของ พันตำรวจเอก ถิติสรรค์ อุทธนผล ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ ผู้กำกับโจ้เฟอรารี ซึ่งถูกตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องการข่มขู่รีดไถเงินจากผู้ต้องหาคดียาเสพติด 2 ล้านบาทืจนผู้ต้องหาเสียชีวิต จากนั้นได้มีการเผยแพร่ภาพคลิปวีดีโอจากกล้องวงจรปิด ขณะกลุ่มตำรวจกำลังใช้ถุงพลาสติกครอบหัวและใช้กำลังบังคับข่มขู่ให้บอกข้อมูลบางอย่างจนผู้ต้องหาเสียชีวิต เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลเป็นวงกว้าง

พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดใจว่า หลังจากที่ทางพลตํารวจเอก สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และจเรตำรวจแห่งชาติ ได้ลงไปตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวตั้งแต่ก่อนหน้านี้ บวกกับคลิปดังกล่าวที่มีการเผยแพร่ จึงเตรียมจะลงนามให้ ผู้กำกับโจ้ ออกจากราชการไว้ก่อน ขณะนี้รอเพียงการทำรายงานและเอกสารทางธุรการเท่านั้น โดยยืนยันว่า คดีดังกล่าวจะต้องทำให้จบภายในวันนี้ และไม่ใช่เพียงตัวของผู้กำกับโจ้เท่านั้น ยังรวมถึงผู้ร่วมในเหตุการณ์ดังกล่าวอีก 13 นาย จะมีคำสั่งอื่นๆออกมาหลังจากนี้

ส่วนเรื่องของคดีอาญาเนื่องจากภาพจากกล้องวงจรปิดและข้อมูลรายงานจากรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้ทราบว่าอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบว่ามีความผิดจริงชัดเจน ก็จะเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหาทันที ไม่เอาไว้

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ผู้กำกับโจ้และพวกอาจหลบหนี ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน,สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ติดตามตัวอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้หลบหนีออกนอกพื้นที่ได้ นอกจากนี้ยังให้จเรตํารวจแห่งชาติตรวจสอบประวัติการร้องเรียนในอดีตของผู้กำกับและทีมงานว่า มีพฤติการณ์เป็นอย่างไร รวมถึงสืบต่อลงไปยังเส้นทางการเงินและที่มาของเงินทั้งหมดที่ผู้กำกับโจ้ใช้จ่าย

สำหรับเรื่องการคุ้มครองพยานในคดี โดยเฉพาะตำรวจที่นำคลิปดังกล่าวมาเปิดเผย ตามปกติแล้วพยานในคดีจะมีมาตรการในการคุ้มครองดูแลพยานอยู่แล้วจึงขอให้ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง

ซึ่งเรื่องดังกล่าวพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีค่อนข้างไม่สบายใจกับคลิปวีดีโอดังกล่าวที่มีการเผยแพร่ และสั่งการให้ตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา พร้อมดำเนินการกับผู้ที่กระทำความผิดตามขั้นตอนโดยไม่ละเว้น

ทั้งนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังเปิดใจหลังจากได้เห็นภาพคลิปดังกล่าวรวมถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่อาจเป็นการทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นต่อข้าราชการตำรวจว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่าเสียใจเพราะมีผู้สูญเสีย และฝากเป็นอุทาหรณ์ให้กับข้าราชการตำรวจทุกนายซึ่งมีกว่า 2 แสนกว่านายให้ดูไว้เป็นตัวอย่าง ทำอะไรผลที่ตามมามันรุนแรงกว่าที่คิดไว้ และต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีทางหนีพ้นได้ รวมทั้งยอมรับว่ากระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจทุกนาย คดีนี้ยืนยันว่านิ้วไหนที่เสียก็ต้องตัดทิ้งไม่ละเว้น เพื่อให้คนอื่นๆเดินต่อได้ แต่ก็เชื่อว่าตำรวจที่ดีก็ยังมีอยู่ คนเลวๆ ที่ทำไม่ดีก็ต้องรับผลกรรมที่ทำเอาไว้ เราไม่สามารถเอาคนแบบนี้ไว้ได้