จากกรณีที่ เมื่อช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.00 น. ได้เกิดเหตุ มีชายวัยรุ่นใช้สิ่งคล้ายอาวุธปืนสั้น จี้จับพนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสาร ของรถประจำทางสาย 8 ก่อนจะปล่อยตัวและขังตัวเองไว้บนรถคันดังกล่าวนานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ อรินทราช 26 จะเข้าควบคุมตัวได้โดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่ถนนแฮปปี้แลนด์สาย 1
ซึ่งในเวลาต่อมา หลังสถานการณ์คลี่คลายลง พลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่ไ้มาเฝ้าสังเกตุการณ์และสั่งการอยู่ก่อนแล้ว ก็ได้ เข้าพูดคุยกับ นายพีรณัฐ หรือเฟิร์ส แสงจันทร์ อายุ 23 ปี ผู้ก่อเหตุในครั้งนี้จนทราบว่า ผู้ก่อเหตุเกิดอาการเครียด จากการที่ตกงานในช่วง การแพร่ระบาดโรคระบาดโควิด-19 จึงมาก่อเหตุ เบื้องต้นจึงมีการส่งตัวมาดำเนินคดีที่ สน.ลาดพร้าว
ความคืบหน้าในช่วงเช้าวันนี้ พันตำรวจเอกรุ่งสกุล บุญกระพือ ผู้กำกับการ สน.ลาดพร้าว ระบุว่า วันนี้ พนักงานสอบสวน จะมีการเร่งรัดการสอบปากคำให้แล้วเสร็จ ซึ่งหากแล้วเสร็จทันก่อนเวลาปิดทำการของศาล ก็จะดำเนินการนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง แต่หากยังไม่แล้วเสร็จ ก็จะดำเนินการขออำนาจศาลฝากขังในวันพรุ่งนี้ ส่วนประเด็นว่าตัวผู้ก่อเหตุมีความเชื่อมโยงกับการชุมนุมหรือไม่ เบื้องต้นจากการสอบปากคำไม่พบว่าตัวผู้ก่อเหตุเคยไปร่วมการชุมนุม หรือการก่อเหตไม่สงบตามสถานที่การชุมนุมต่างๆ ส่วนการตรวจสอบปัสสาวะเบื้องต้นพบว่ามีสีม่วง แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถลงรายละเอียดได้ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา หน่วงเหนี่ยวกักขังและข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใดๆ โดยใช้อาวุธ, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน ) โดยผิดกฎหมาย ส่วนกรณีอาวุธที่พบในที่เกิดเหตุ ได้ส่งไปให้กองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบว่าเป็นอาวุธปืนจริงหรือไม่ เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนต่อไป
ก่อนที่ในเวลาต่อมา มีรายงานว่า จะมีรายงานยืนยันว่า อาวุธปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุในครั้งนี้เป็นปืนบีบีกัน ไม่ใช่อาวุธปืนจริง และจากกาตรวจสอบประวัติพบเป็นบุคคลตามหมายจับ ของสน.บางซื่อ ในข้อหา ชิงทรัพย์ เหตุเกิดเทื่อช่วงวันที่ 5 ของเดือนกรกฏาคม ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อจะเดินทางมาสอบปากคำในหมายจับดังกล่าว ทำให้คาดว่าจะมีการส่งตัวฝากขังต่อศาลได้มนวันพรุ่งนี้
