ชื่นชมตำรวจขุขันธ์มีความอดทนสูงโดนวัยรุ่นด่าไม่โต้ตอบ ศาลพิพากษาจำเลยผิดตามฟ้อง พิพากษาจำคุก 2 ปี

ศรีสะเกษ – ชื่นชมตำรวจขุขันธ์มีความอดทนสูงโดนวัยรุ่นด่าไม่โต้ตอบ ขณะที่วัยรุ่นแสบโดน 3 ข้อหา ศาลพิพากษาจำเลยผิดตามฟ้อง พิพากษาจำคุก 2 ปี ปรับ 2,500 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี

มื่อวันที่ 18 ส.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ทางสื่อโซเชี่ยลว่า มีเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักศึกษาระดับอาชีวศึกษาแห่งหนึ่งของ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ได้ต่อว่าและด่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย  ซึ่งเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ขุขันธ์ ได้ทำการจับกุมและตรวจยึดรถจักรยานยนต์ของวัยรุ่นดังกล่าว เนื่องจากรถจักรยานยนต์ที่วัยรุ่นนำมาใช้ผิดกฎหมายหลายข้อหา ตาม พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522  แต่ว่าเมื่อนำตัววัยรุ่นมาที่ สภ.ขุขันธ์ เพื่อทำการสอบสวนเบื้องต้น ปรากฎว่าวัยรุ่นได้มีการต่อว่าและใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งประชาชนชาวศรีสะเกษลาวโซเชี่ยลทั่วประเทศต่างพากันชื่นชมที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ร.ต.อ.ตามคลิปภาพ ไม่ได้โต้เถียงหรือแสดงอาการโมโหหรือว่าโกรธวัยรุ่นแต่อย่างใด  ได้ดำเนินการตามกฎหมายโดยได้มีการชี้แจงให้วัยรุ่นดังกล่าวได้ทราบเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายในครั้งนี้

เพื่อเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริง ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปที่ สภ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ได้พบกับ  พ.ต.อ.พงศ์ทัศน์ พิมพ์เรือง ผกก.สภ.ขุขันธ์ และ พ.ต.ท.สันติภาพ กันตะภาค รอง ผกก.สอบสวน สภ.ขุขันธ์ เพื่อสอบถามหานายตำรวจดังกล่าวที่อยู่ในคลิป ได้รับทราบว่า นายตำรวจที่อยู่ในคลิปชื่อ ร.ต.อ.อาภากร โสภา รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.ขุขันธ์ ซึ่งวันนี้ไม่ได้เข้าเวรและได้กลับไปพักผ่อนอยู่ที่บ้านพักส่วนตัวที่บ้านโคกตาล ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปที่บ้านของนายตำรวจที่ปรากฎตามคลิป เมื่อไปถึงบ้านที่ 356 หมู่ 1 ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ ได้พบ ร.ต.อ.อาภากร พักผ่อนอยู่ในบ้านกับครอบครัว

ร.ต.อ.อาภากร โสภา รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.ขุขันธ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดเมื่อวันที่  9 ส.ค.64 ขณะที่ตนปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรป้องกันปราบปรามอยู่นั้น ได้ทำการจับกุมวัยรุ่นคนหนึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์มาไม่ถูกต้องตามกฎหมายหลายอย่าง เช่น ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ดัดแปลงสภาพรถ อุปกรณ์ส่วนควบไม่ครบ ซึ่งเป็นนโยบายของ ผบ.ตร. ผบช.ภาค 3 และ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ที่ได้สั่งการให้ป้องกันปราบปรามการแข่งรถในทาง และการขับรถเสียงดัง รถแต่งท่อเสียงดัง สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชน และปฏิบัติตามคำสั่งของ คสช.ที่ 22/2558  จึงได้ทำการจับกุมวัยรุ่นดังกล่าวไปที่ สภ.ขุขันธ์จากนั้น ได้ทำการสอบสวนเบื้องต้นเกี่ยวกับชื่อที่อยู่และขอดูบัตรประจำตัวประชาชน แต่ปรากฎว่า ผู้ต้องหาไม่ให้ความร่วมมือ แต่กลับใช้วาจาที่ไม่เหมาะสมหลายอย่างกับตนและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในขณะนั้น ซึ่งตนก็ได้ใช้ความอดทนตามอุดมคติของตำรวจข้อ 3 ที่บอกว่า อดทนต่อความเจ็บใจ ซึ่งได้มีการพยายามชี้แจงให้วัยรุ่นที่กระทำผิดกฎหมายได้รับทราบการกระทำผิดในครั้งนี้ และได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.ขุขันธ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ร.ต.อ.อาภากร กล่าวต่อไปว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ตนไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองวัยรุ่นดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากว่าวัยรุ่นอาจจะกำลังอารมณ์ร้อน เนื่องจากถูกตำรวจไปตรวจยึดรถจักรยานยนต์ ตนเป็นตำรวจในระหว่างปฏิบัติหน้าที่เคยเจอเหตุการณ์ต่างๆ มามากมายหลายอย่าง ซึ่งการที่โดนวัยรุ่นที่ถูกจับกุมด่าว่าตนด้วยคำพูดที่หยาบคายนี้ ตนคิดถึงคำสอนของครูบาอาจารย์ใน ร.ร.ตำรวจ ที่ได้อบรมสั่งสอนตนไว้ว่า การเป็นตำรวจนั้น ขาข้างหนึ่งอยู่ในคุกแล้ว ทำให้ตนมีความอดทนอดกลั้นอย่างเต็มที่

ร.ต.อ.อาภากร กล่าวต่อไปว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ตนขอฝากถึงเพื่อนตำรวจ สภ.ขุขันธ์ และพี่น้องตำรวจทั่วประเทศว่า หากเจอเหตุการณ์เช่นนี้ขอให้ใช้ความอดทน อดกลั้น เพราะว่าเหตุการณ์แบบนี้ตำรวจทุกนายจะเจอเป็นประจำ แต่หากว่าเรานิ่งเฉยไม่โต้ตอบ จะทำให้ภาพลักษณ์ของตำรวจเป็นภาพลักษณ์ที่ดีงามของตำรวจไทย และตนขอฝากถึงวัยรุ่นที่กระทำผิดกฎหมายว่า ควรที่จะมีการศึกษาระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันให้ดี และไม่ควรที่จะไปใช้วาจาที่ไม่เหมาะสมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ได้กระทำตามหน้าที่อย่างเต็มที่   สำหรับผู้ต้องหารายนี้ ได้แจ้งข้อหา  3 ข้อหาด้วยกันคือ 1. ดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ หรือเพราะได้กระทำตามหน้าที่  2. เมื่อเจ้าพนักงานถามชื่อและที่อยู่เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ยอมบอกหรือแกล้งบอกชื่อหรือที่อยู่เป็นเท็จ  3. ไม่อาจแสดงบัตรประจำตัวประชาชนหรือใบรับหรือใบแทนใบรับ เมื่อเจ้าพนักงานขอตรวจบัตร

  ซึ่งต่อมา ศาล จ.ศรีสะเกษ ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 11 ส.ค.64 จำเลยผิดตามฟ้อง พิพากษาจำคุก 2 ปี ปรับ 2,500 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี เป็นคดีแดงที่ 1904/64 คดีดำ 1935/64 ลงวันที่ 11 ส.ค. 2564