ข่าวปลอม กรณีทหารได้ฉีดไฟเซอร์เข็มสอง ที่โรงพยาบาลอานันทมหิดล

วันที่ 18 ส.ค. 64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตรวจพบข่าวปลอมเพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณี ทหารได้ฉีดไฟเซอร์เข็มสอง ที่โรงพยาบาลอานันทมหิดล นั้น ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ โรงพยาบาลอานันทมหิดล แล้ว ยืนยันว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กที่เป็นทหารท่านหนึ่ง โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความว่า “เสี้ยน เข็ม 2/Pfizer” จนเกิดการนำไปแชร์ต่อในโลกออนไลน์ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า ทหารที่โพสต์เฟซบุ๊กคนดังกล่าวได้รับวัคซีนยีห้อไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 2 แล้วนั้น

ทางโรงพยาบาลอานันทมหิดล ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและชี้แจงว่า ทหารรายดังกล่าว อยู่สังกัด กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ได้มาเข้ารับบริการที่คลินิกทางเดินหายใจ ที่โรงพยาบาลอานันทมหิดล โดยเข้ามารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) เพื่อไปทำภารกิจของหน่วย ตามที่หน่วยได้รับมอบหมายให้จัดกำลังพลไปปฏิบัติหน้าที่ถวายความปลอดภัยในพื้นที่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย ในระหว่างวันที่ 20 – 23 ส.ค. 64

ทั้งนี้การที่บุคคลดังกล่าวได้โพสต์ข้อความว่า “เสี้ยน เข็ม 2/Pizer” นั้น บุคคลดังกล่าวต้องการสื่อสารให้เข้าใจว่า อยากได้วัคซีน Pizer เท่านั้น แต่ในข้อเท็จจริงบุคคลดังกล่าวยังไม่เคยได้รับวัคซีนเลย

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากโรงพยาบาลอานันทมหิดล สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.ananhosp.go.th หรือโทร. 036 785891-5

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ทหารตามที่ปรากฏเป็นข่าวยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์จากโรงพยาบาลอานันทมหิดลแต่อย่างใด บุคคลดังกล่าวเพียงโดยเข้ามารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อไปทำภารกิจของหน่วยเท่านั้น

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”