ข่าวปลอม กรณี พบเด็กอาชีวะถูกยิงเสียชีวิต จากการร่วมชุมนุมม็อบ 10 สิงหา

วันที่ 11 ส.ค. 64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่ามีการตรวจพบข่าวปลอมเพิ่มเติม 1 กรณี คือ

กรณี พบเด็กอาชีวะถูกยิงเสียชีวิต จากการร่วมชุมนุมม็อบ 10 สิงหา นั้น ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม

ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง ซึ่งแท้จริงแล้วผู้เสียชีวิตในภาพประสบอุบัติเหตุรถชน ไม่ได้เป็นเหตุยิงกันเสียชีวิตแต่อย่างใด โดยเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2564 เวลาประมาณ 21.00 น. สน.บุปผาราม ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่ถนนประชาธิปก มุ่งหน้าสี่แยกบ้านแขก แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกไปตรวจที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ทะเบียน มฉก 479 กรุงเทพฯ มีนายสมยศ สอนเสาร์ อายุ 29 ปี (ทราบชื่อภายหลัง) ได้นอนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

สาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นเนื่องมาจากขับรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถดูดฝุ่นกวาดขยะของ กทม. พนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม ที่ออกตรวจที่เกิดเหตุจึงถ่ายภาพที่เกิดเหตุ ทำแผนประกอบคดี แจ้งแพทย์ศิริราชร่วมชันสูตรศพ เบื้องต้นส่งศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลศิริราช ตามใบรายงานชันสูตรศพระบุว่าศีรษะได้รับบาดเจ็บรุนแรงจากอุบัติเหตุจราจร

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://www.royalthaipolice.go.th หรือโทร 1599

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ผู้เสียชีวิตในภาพประสบอุบัติเหตุรถชน ไม่ได้เป็นเหตุยิงกันเสียชีวิตแต่อย่างใด จากการชันสูตรที่โรงพยาบาลศิริราช ตามใบรายงานชันสูตรศพระบุว่าศีรษะได้รับบาดเจ็บรุนแรงจากอุบัติเหตุจราจร

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”