จากกรณีที่ นางศิริลักษณ์ อุบลเหนือ รองผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ได้มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจรถไฟนพวงศ์ ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเข้าไปแก้ไขข้อมูลการลงทะเบียนรับวัคซีน โควิด-19 โดยมิชอบ เพื่อเรียกรับผลประโยชน์จากประชาชนที่มีความประสงค์รับวัคซีน โควิด-19 ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนชี้แจงความคืบหน้าในคดีดังกล่าว ตามที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มีคำสั่ง ที่ 152/2564 เรื่องแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 โดยมี พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปราม กองบังคับการตำรวจรถไฟ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน นั้น
ในวันนี้ (2 สิงหาคม 2564) เวลา 10:30 น. พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น หัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งดังกล่าว เพื่อรวบรวมรายละเอียดข้อเท็จจริง เอกสาร คำให้การของผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนพยานหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้จากการสืบสวนสอบสวน โดยจากข้อมูลของกรมการแพทย์และบริษัทที่เกี่ยวข้อง พบความผิดปกติของข้อมูลการลงทะเบียนฉีดวัคซีน โควิด-19 ในหลายส่วน เช่น พบว่ามีการลงข้อมูลที่ผิดปกติในช่วงนอกวัน-เวลาทำการของเจ้าหน้าที่ (หลังเวลา 20:00 น.) ซึ่งการลงข้อมูลจะต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งโปรแกรมเฉพาะของกรมการแพทย์ ซึ่งตั้งอยู่ ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เท่านั้น และพบว่ามีการลงข้อมูลจำนวนมากในวันและเวลาเดียวกันทั้งหมด อีกทั้งพบว่ามีการแก้ไขข้อมูลบัญชีผู้ใช้ในการลงทะเบียนฉีดวัคซีน โควิด-19 เป็นต้น โดยคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจะได้นำข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ไปตรวจสอบ และเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาทำการสอบสวน เพื่อหาตัวกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยหากบุคคลใด ได้รับการติดต่อให้มาพบพนักงานสอบสวน ขอให้มาพบตามที่นัดหมาย พร้อมทั้งนำพยานหลักฐานหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวมามอบให้พนักงานสอบสวนด้วย
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายด้วยความรอบครอบ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน ว่าจะได้รับความเท่าเทียมในการรับวัคซีน โควิด-19 ต่อไป สุดท้ายนี้ ฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชน หากพบว่ามีบุคคลใดแอบอ้างหรือเรียกรับผลประโยชน์ โดยอ้างว่าสามารถช่วยเหลือในการลงทะเบียน หรือขอรับสิทธิในการได้รับวัคซีน โควิด-19 เป็นกรณีพิเศษ อย่าหลงเชื่อ และข้อให้แจ้งเบาะแสการกระทำผิดให้กับเจ้าหน้าที่ ได้ทางสายด่วน 191 หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง