เมื่อวันที่(15 ก.ค.64) พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ. และ พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี รอง ผบก.สปพ.สั่งการให้ พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ ,พ.ต.ท.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ,รอง ผกก.สายตรวจ และ พ.ต.ต.ไพบูลย์ สอโส สว.งานสายตรวจ 1 นำกำลังจับกุม นายเดชพลหรือโจ้ สายแวว อายุ 25 ปี,นายอภิชาติหรือมอส บุญลือพันธ์ อายุ 23 ปี ,นายณรงค์ศักดิ์หรือต่าย พุ่มสงวน อายุ 25 ปี และนายวรเวธ หรือแจ๊ค มิ่งคำเลิศ อายุ 25 ปี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 1,846,000 เม็ด ยาอี 20,800 เม็ด คีตามีน 8 กรัม กัญชา น้ำหนัก30 กรัม อาวุธปืนยี่ห้อ ซิกซาวเออร์ พี365 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน จำนวน 64 นัด สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท และรถยนต์ 2 คัน โดยจับกุมได้ภายในซอยวัดอ้อมใหญ่ หน้า บ้านเลขที่ 72/2 ม.5 ต.บ้านใหม่ อ.สามพราน จ.นครปฐม ต่อเนื่องบ้านเลขที่ 55 ม.1 ต.บางกระทึก อ.สามพราน จ.นครปฐม
พล.ต.ต.สำราญ กล่าวว่าสืบเนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด – 19 อันเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทวีความรุนแรงจนเสี่ยงที่จะเกิดภาวะวิกฤติด้านสาธารณสุขรัฐบาลจึงกําหนดมาตรการป้องกันโรค โดยกําหนดให้ประชาชนในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลห้ามออกจากเคหสถาน ในระหว่างเวลา 21.00 น. -04.00 น. ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน ทางกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ รับสนองนโยบายของรัฐ ได้ตั้งจุดตรวจ ป้องกันอาชญากรรมในห้วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และให้รถยนต์สายตรวจ 191 ออกตรวจตราทั่วเขตพื้นที่ กรุงเทพมหานคร กระทั่งเวลา 03.00 น. ของคืนที่ผ่านมา ขณะที่รถสายตรวจของ 191 ได้ออกตรวจตราก็พบ กลุ่มวัยรุ่นกำลังยืนจับกลุ่มบริเวณ ริมทางพุทธมณฑลสาย 2 เจ้าหน้าที่สายตรวจจึงจะเข้าไปสอบถาม ซึ่งทันทีที่กลุ่มวัยรุ่นเห็นจึงขึ้นรถยนต์โตโยต้า วีออส เร่งความเร็วหลบหนีมุ่งหน้า จ.นครปฐม รถยนต์วิทยุสายตรวจ 191 จึงได้ประสานกำลังการปฏิบัติจนสามารถสกัดจับได้ที่ ภายในซอยวัดอ้อมใหญ่ หน้า บ้านเลขที่ 72/2 ม.5 ต.บ้านใหม่ อ.สามพราน โดยรถดังกล่าวมีนายมอส เป็นผู้ขับ และมีนายโจ้ เป็นผู้นั่งมาด้วย ภายในพบ ยาบ้าจำนวน 4 กระสอบ จำนวนประมาณ 792,000 เม็ด อยู่ภายในรถคันดังกล่าว ก่อนที่ทั้งสองจะให้การซักทอดว่ามียาบ้าอีกจำนวน 1,054,000 เม็ด และยาอี 20,800 เม็ด อยู่ในรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ส ไม่ติดป้ายทะเบียน จอดที่บ้านดังกล่าว และมีผู้ร่วมขบวนการอีกสองราย คือนายต่ายและนายแจ๊ค เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปจับกุมทั้งสองได้ขณะที่จะเตรียมหลบหนี รองผบช.น. กล่าว
จากการสอบสวนนายมอสให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายต่ายให้ทำหน้าที่รับส่งยาเสพติดไปส่งให้ลูกค้าตามออเดอร์ โดยทำมาประมาณ 5 เดือนแล้ว ได้ค่าจ้างครั้งละประมาณ 100,000 บาท โดยจะอาศัยช่วงเวลาเคอร์ฟิวในการลักลอบก่อเหตุดังกล่าว นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติของนายโจ้ยังพบว่าเคยใช้อาวุธปืนพกไปก่อเหตุกับคู่อริในพื้นที่ สภ.โพธิ์แก้ว เมื่อประมาณ เม.ย. 64
เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าและยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย, ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) โดยไม่ได้รับอนุญาต, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) โดยไม่ได้รับอนุญาต, มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน พ.ศ.2548, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำส่ง พนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อดำเนินการตาม กฎหมายต่อไป