เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 14 ก.ค. 2564 พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบเขต ผบก.ปส.3 พร้อมฝ่ายสืบสวนนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเช่าเลขที่ 28/2 ม.14 ซ.เพชรเกษม 69 แขวงและเขตหนองแขม กรุงเทพฯหลังรับแจ้งจากสายลับว่าบ้านหลังดังกล่าวซุกซ่อนยาเสพติดไว้จำนวนมาก
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้น พบผู้อยู่ในบ้านคือพระวิทวัส หรือ ชัย แซ่ย่าง อายุ 28 ปี พระลูกวัดวัดดงยาง ต.บ่อทอง อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก อยู่ภายในบ้าน จากการตรวจค้นในห้องเก็บของชั้นล่างพบยาไอซ์จำนวน 205 กก. เฮโรฮีน 89 แท่ง น้ำหนักรวม 31 กก. ยาเสพติดทั้งหมดบรรจุอยู่ในลังกระดาษจำนวน 9 ลัง มูลค่ารวมทั้งหมดประมาณ 55 ล้านบาท จึงยึดไว้ตรวจสอบทั้งหมด
พล.ต.ท.ชินภัทร เปิดเผยว่าการจับกุมครั้งนี้โดยมีผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติดและรองผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด บังคับการปราบปรามยาเสพติดที่สามสะกดรอยติดตามสืบทราบว่ากรณีพระภิกษุสงฆ์ค้นยาเสพติดเพื่อที่จะจำหน่ายส่งต่อไปเป็นจำนวนมากตอนนี้ตำรวจจึงทำการจับกุม และเปิดเผยต่อว่า สามารถยึดของกลางยาไอซ์ 250 กิโลเฮโรอีน 89 แท่ง 31 กิโล จับผู้ต้องหาได้หนึ่งรายซึ่งเป็นพระภิกษุสงฆ์อายุอย่างน้อย จากประวัติเคยติดคุกมาแล้วหนึ่งครั้งและเพิ่งจะพ้นโทษออกมาและไปบวชได้ 1พรรษาก่อนมาถูกจับกุม ขณะบวชก็เสพยาจะมีการขยายผลต่อไป
พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า คดีนี้เป็นการขยายผลจากการจับกุมที่ผ่านมาของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดและหน่วยร่วมบูรณาการทั้งทหารและปปส. เครือข่ายนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการติดตามมาเป็นระยะเวลานานพอสมควร โดยที่ผ่านมามี การจับกุมทั้งไอซ์เฮโรอีนและยาบ้าสำหรับเครือข่ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นยาไอซ์ 500 กิโลกรัมเฮโรอีน 500 กิโลกรัมยาบ้าประมาณ 1ล้านเม็ดขึ้นไปโดยเครือข่ายนี้เป็นเครือข่ายค่อนข้างที่จะใหญ่โดยการนำเข้าจากทางภาคเหนือในพื้นที่จังหวัดพะเยาลำเลียงยาเสพติดเข้ามาเป็นเครือข่ายขบวนการ โดยใช้ภาคกลางและปริมณฑลเป็นที่พักยาจากการติดตามเครือข่ายนี้จนสืบทราบว่าใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่เก็บยา ซึ่งยาเสพติดเหล่านี้ที่นำมาพักไว้เพื่อรอบรรจุลงกล่องและลำเลียงลงไปยังภาคใต้นอกจากนี้ยังเปิดเผยอีกว่าทั้งเฮโรอีนและยาไอซ์ส่วนใหญ่จะลำเลียงออกนอกประเทศ อย่างไรก็ตามการขยายผลสำหรับเครือข่ายนี้จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ด้าน พล.ต.ต บรรพต กล่าวว่า เครือข่ายนี้มีการเฝ้าติดตามจากผู้กำกับ ปส.3 ดำเนินการสืบสวนต้นทางมาจากพื้นที่สุพรรณบุรีทราบว่านำยาเสพติดของกลางมาแพ็คบรรจุที่แห่งนี้ เพื่อเตรียมบรรจุลงไปยังภาคใต้หลังจากนี้จะทำการสืบสวนอายัดทรัพย์ตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป
จากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของพี่สาว เช่าเดือนละ 4,000 บาท เช่ามานาน 2 ปีแล้ว เมื่อตนเข้ามากรุงเทพฯก็จะมาพักบ้านหลังนี้ ส่วนยาเสพติดทั้งหมดรับมาจากจ.สุพรรณบุรี โดยใช้รถกระบะของวัดไปรับและใช้เครื่องสังฆทานวางปิดทับไว้ มาพักไว้ที่นี่ 2 วันแล้ว และในวันพรุ่งนี้ ได้ว่าจ้างรถกระบะเพื่อนำไปส่งให้ลูกค้า ที่จ.พังงา ถ้างานนี้สำเร็จจะได้รับค่าจ้าง 1 ล้านบาท และอ้างว่าทำเป็นครั้งแรก จึงนำตัวผู้ต้อหาพร้อมของกลางส่ง บช.ปส. ดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ตามผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝากพี่น้องประชาชนให้ช่วยกัน สอดส่องหากพบว่าแสช่วย แจ้งให้เจ้าหน้าที่ ได้ทราบโดยช่วงสถานการณ์โควิดทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำชับลงมาให้ตำรวจปราบปรามยาเสพติดเร่งรัดขยายผลจับกุมในช่วงสถานการณ์โควิดและการตั้งด่านสกัดกั้นยาเสพติด เพิ่มความเข้มงวดตลอดอีกด้วย