เวลา 21.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. และคณะ ได้ออกตรวจเยี่ยมจุดตรวจ จุดสกัด รวมถึงจุดตรวจป้องกันอาชญากรรม กำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในห้วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จำนวน 2 จุด ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม 1 จุด คือจุดตรวจ สภ.โพธิ์แก้ว โดยมี พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภ.7, นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม, นายเชาวเนตร ยิ้มประเสริฐ ปลัดจังหวัดนครปฐม และ พ.อ. พงษ์สวัสดิ์ ภาชนะทิพย์ รอง ผอ.รมน. จว. นครปฐม ร่วมคณะตรวจเยี่ยม
เยี่ยม และพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร 1 จุด คือจุดตรวจ สภ.กระทุ่มแบน โดยมี พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภ.7, นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร, นายบรรพต จันทรวงศ์ นายอำเภอกระทุ่มแบน และ พ.อ.เอกพล จูฑะพันธ์ ผู้บังคับการกรมทหารสื่อสารที่ 1 ค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน ร่วมคณะตรวจเยี่ยม
พล.ต.อ.สุวัฒน์ ฯ กล่าวว่าการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) ด้วยมาตรการจำกัดการเคลื่อนย้ายและกิจกรรมของบุคคล ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้กำชับไปยังทุกหน่วยงานในสังกัด ให้ปฏิบัติตามประกาศ ข้อกำหนด ตามความมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 27) ลงวันที่ 10 ก.ค. 2564 ในการควบคุม ระงับ ยับยั้ง การแพร่ระบาดของโรคฯ โดยให้ประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด ฝ่ายปกครอง เพื่อตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจตราห้ามมิให้บุคคลออกนอกเคหสถานในห้วงระหว่างเวลา 21.00-04.00 น. นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำมาตรการในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคฯ คลี่คลาย
ทั้งนี้ ผบ.ตร. ได้แนะนำให้มีการนำเทคโนโยลีที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดหาให้มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการปฏิบัติหน้าที่ สำหรับการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในพื้นที่จังหวัดที่ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
จำนวน 10 จังหวัด มีข้อมูล ณ วันที่ 14 ก.ค. 2564 เวลา 10.00 น. ดังนี้ 1.พื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตั้งจุดตรวจ 88 จุด เรียกตรวจยานพาหนะ 1,214 คัน จำนวน 1,529 คน พบผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯรวม 17 ราย มีเหตุจำเป็นและตักเตือน 8 ราย ดำเนินคดี 9 ราย 2.พื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ตั้งจุดตรวจ 11 จุด เรียกตรวจยานพาหนะ 576 คัน จำนวน 798 คน พบผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯรวม 28 ราย มีเหตุจำเป็นและตักเตือน 24 ราย ดำเนินคดี 4 ราย
3.พื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ตั้งจุดตรวจ 10 จุด เรียกตรวจยานพาหนะ 203 คัน จำนวน 264 คน พบผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯรวม 87 ราย มีเหตุจำเป็นและตักเตือน 73 ราย ดำเนินคดี 14 ราย 4.พื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ตั้งจุดตรวจ 39 จุด เรียกตรวจยานพาหนะ 6,021 คัน
จำนวน 4,160 คน พบผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯรวม 44 ราย มีเหตุจำเป็นและตักเตือน 23 ราย ดำเนินคดี 21 ราย
รวมมีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด จำนวน 148 จุด เรียกตรวจยานพาหนะ 8,014 คัน จำนวน 6,796 คน
พบผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 186 ราย มีเหตุจำเป็นและตักเตือน 128 ราย ดำเนินคดี 48 ราย
ทั้งนี้ ผบ.ตร. ได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญ ได้แก่ หน้ากากอนามัย เฟสชิลด์ ถุงมือ เจลแอลกอฮอล์ ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ พร้อมแสดงข้อห่วงใยกำลังพลที่ต้องปฏิบัติงานในช่วงการแพร่ระบาดของโรคฯ ให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุข DHMTTA รวมไปถึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการที่ ศบค. กำหนด โดยเน้นย้ำการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ไปยังพี่น้องประชาชนที่อาจยังไม่ทราบถึงประกาศ ข้อกำหนดฯ แต่หากพบว่าพี่น้องประชาชนท่านใดที่จงใจฝ่าฝืนก็ต้องจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างเคร่งครัดโดยไม่มีข้อยกเว้น