ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปอท., พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน รอง ผบก.ป.,พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผบก.ป., พ.ต.อ.อธิป พงษ์ศิวาภัย รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป, พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ, พ.ต.ท.ศราวุธ จันต๊ะวงค์, พ.ต.ท.สาธิต สมานภาพ, พ.ต.ท.อลงกต คชแก้ว, พ.ต.ท.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์ รอง ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.ชลิต ทิพย์ธำรง, พ.ต.ท.ชนินทร ง่วนสน รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ป., พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ ผกก.1 บก.ปอท, พ.ต.อ.อมรชัย ลีลาขจรจิตร ผกก.กลุ่มงานสนับสนุนฯ บก.ปอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. ร่วมกันปฏิบัติการทลายขบวนการปั่น FAKE NEWS โจมตีบริษัทนมชื่อดัง
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2563 ตัวเเทนจากบริษัทนมข้นหวานชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้เดินทางมายังกองบังคับการปราบปราม โดยแจ้งว่าถูกเพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “ฉาว ต้อง แฉ” โพสต์ภาพเเละข้อความในลักษณะบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ผู้เสียหาย โดยเป็นการทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ ซึ่งเพจดังกล่าวมีการเผยเเพร่ข้อความในลักษณะที่ทำให้บริษัทของผู้เสียหายได้รับความเสียหายมาอย่างต่อเนื่อง ทางบริษัทของผู้เสียหายจึงได้ให้ตัวเเทนบริษัทฯ เดินทางเข้าเเจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิดดังกล่าว
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. ทำให้ทราบตัวเเอดมินเพจดังกล่าว ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทที่ปรึกษาด้านโฆษณาและประชาสัมพันธ์ เป็นตัวการสำคัญในการวางแผนการดำเนินการทำลายภาพลักษณ์บริษัทของผู้เสียหาย นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดอีกจำนวน 10 คน ซึ่งทั้งหมดได้รับการว่าจ้างจากนายทุน โดยกระทำการในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ เริ่มตั้งเเต่การเก็บรวบรวมข้อมูลของบริษัทผู้เสียหาย เพื่อหาจุดอ่อนนำมาสร้างประเด็นในการทำลายภาพลักษณ์ หลังจากนั้นได้มีการให้ผู้ร่วมขบวนการไปยื่นหนังสือตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ของบริษัทผู้เสียหายกับหน่วยงานของรัฐ และนำผลการตรวจสอบดังกล่าวไปเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ในลักษณะบิดเบือนข้อเท็จจริง ลดความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้เสียหาย ตลอดจนมีการวางแผนแก้ไขสถานการณ์ในกรณีที่หากถูกบริษัทของผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีกลับ โดยจุดมุ่งหมายหลักในการดำเนินการของขบวนการนี้ คือต้องการให้บริษัทคู่ค้าฯ ต่างๆ เลิกวางขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทผู้เสียหาย
กองบังคับการปราบปราม เล็งเห็นว่าคดีดังกล่าวกระทำการโดยการสร้าง FAKE NEWS เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง กระทำการในลักษณะเป็นขบวนการ มีการวางแผนแบ่งหน้าที่กันทำ และมีเบื้องหลังเป็นกลุ่มนายทุน ซึ่งการสร้าง FAKE NEWS ดังกล่าว อาจสร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนที่รับฟังข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ได้ด้วยเช่นกัน จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. ดำเนินการจับกุมผู้ร่วมขบวนการดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. จึงได้เร่งสืบสวนขยายผลเพื่อหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังการกระทำดังกล่าว จนกระทั่งทราบว่า เจ้าของธุรกิจอุตสาหกรรมรายหนึ่ง ซึ่งเคยทำธุรกิจร่วมกับบริษัทของผู้เสียหาย เป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้ทั้งหมด โดยได้สั่งการให้เลขาฯ คนสนิท และทนายที่รู้จัก ดำเนินการติดต่อเจ้าของบริษัทที่ปรึกษาด้านโฆษณาและประชาสัมพันธ์กับพวก ให้ดำเนินการทำลายภาพลักษณ์บริษัทของผู้เสียหาย โดยจ่ายค่าจ้างและค่าดำเนินการทั้งหมดเป็นเงินจำนวนรวมกว่า 12 ล้านบาท
และจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ทราบถึงมูลเหตุจูงใจในการจ้างให้ดำเนินการทำลายภาพลักษณ์บริษัทของผู้เสียหาย ว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากปมขัดแย้งในการทำธุรกิจ
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. จึงได้ทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จนนำไปสู่การขออนุมัติหมายจับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด 14 ราย
โดยในวันที่ 7 กรกฎาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. นำกำลังเข้าทำการตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 17 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 14 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา, เป็นอั้งยี่และช่องโจร, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันบิดเบือนโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน”
พร้อมกับตรวจยึดของกลางเป็นสมุดบัญชีธนาคาร, เครื่องมือสื่อสาร, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอกสารเกี่ยวกับการเงิน และเอกสารต่างๆ รวมกว่า 100 รายการ ซึ่งน่าเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
กองบังคับการปราบปราม จึงขอฝากเตือนภัยประชาชน สำหรับการรับฟังข้อมูลข่าวสารจากสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ท่านควรใช้ความระมัดระวัง ตรวจสอบข้อเท็จจริง และพิจารณาข้อมูลข่าวสารอย่างรอบคอบก่อนที่ตัดสินใจเชื่อข้อมูลข่าวสารนั้นๆ เนื่องจากในปัจจุบันมีกลุ่มบุคคล เพจ เว็บไซต์บางกลุ่ม ที่เผยเเพร่ข้อมูลข่าวสารในลักษณะบิดเบือนข้อเท็จจริง หรือเป็นการปล่อย FAKE NEWS เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อตนเอง ส่งผลให้ประชาชนหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับความเสียหายจากการกระทำนั้นๆ
ช่องทางติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ต.ทัตพร เลขะวัฒนพงษ์ สว.กก.1 บก.ป. 098-746-4864