พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าส่วนปฏิบัติการที่ 1 ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปชก.ตร.) คณะทำงานสืบสวนปราบปรามเครือข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้สั่งการให้กองบังคับการปราบปราม โดย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ. เอนก เตาสุภาพ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.๔ บก.ป. และ พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.กก.สสน. ดำเนินการสืบสวนหาข้อมูลการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรโดย ผิดกฎหมายเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ซึ่งทาง กก.๔ บก.ป. ได้รับเเจ้งเบาะเเสว่ามีกลุ่มคนต่างด้าวจำนวนมาก คาดว่าน่าจะหลบหนี เข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย มาพักอาศัยกระจายอยู่ในรีสอร์ทต่างๆ ในพื้นที่หมู่บ้านรักษ์ไทย หมู่ที่ ๖ ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน โดยกลุ่มคนดังกล่าวมีการจับกลุ่ม มั่วสุมทำกิจกรรมน่าสงสัย ก่อความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ ประกอบกับมีความกังวลเรื่องการลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่านการคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ เป็นเหตุให้คนในพื้นที่เกรงว่าอาจจะมีการนำพาเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ เข้ามาแพร่กระจายให้กับคนในหมู่บ้าน
ซึ่งทาง กก.๔ บก.ป. ได้รับเเจ้งเบาะเเสว่ามีกลุ่มคนต่างด้าวจำนวนมาก คาดว่าน่าจะหลบหนี เข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย มาพักอาศัยกระจายอยู่ในรีสอร์ทต่างๆ ในพื้นที่หมู่บ้านรักษ์ไทย หมู่ที่ ๖ ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน โดยกลุ่มคนดังกล่าวมีการจับกลุ่ม มั่วสุมทำกิจกรรมน่าสงสัย ก่อความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ ประกอบกับมีความกังวลเรื่องการลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่านการคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ เป็นเหตุให้คนในพื้นที่เกรงว่าอาจจะมีการนำพาเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ เข้ามาแพร่กระจายให้กับคนในหมู่บ้าน
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๔ บก.ป. จึงได้ทำการสืบสวนกรณีดังกล่าวโดยละเอียด ใช้เวลากว่า ๑ เดือน จนทราบว่ากลุ่มคนต่างด้าวที่ต้องสงสัยว่าหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายนั้น มีจำนวนประมาณ ๖๐ – ๘๐ คน ได้ทำการเช่าเหมาทั้งรีสอร์ท โดยห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปในบริเวณรีสอร์ท ดังกล่าว มีการรวมกลุ่มทำกิจกรรมต้องสงสัย คล้ายร่วมกันประกอบอาชีพบางอย่าง มีการประชุมแจกแจงหน้าที่ในการทำงาน และใช้โทรศัพท์ในห้องประชุมพร้อมๆ กันจํานวนหลายคน ลักษณะคล้ายพฤติกรรมของกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ยังตรวจสอบพบอีกว่ากลุ่มคนเหล่านี้ มีการว่าจ้างคนในพื้นที่ให้คุ้มครองความปลอดภัย ลักษณะเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายค้นจากศาลเพื่อทำการตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน ๖ เป้าหมาย ในพื้นที่หมู่บ้านรักษ์ไทย หมู่ที่ ๖ ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
โดยในวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๔ บก.ป. และชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานร่วมกับ เจ้าหน้าที่ บก.ปอท., หน่วย ฉก.ร.๗, สตม.๕ และ สภ.หมอกจำแป่ ได้ทำการปิดล้อมตรวจค้นสถานที่เป้าหมายจำนวน ๖ จุด สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ทั้งหมด ๕๓ ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาชาวจีน ๔๐ ราย,ชาวเมียนมาร์ ๑๒ ราย และ ชาวฟิลิปปินส์ ๑ ราย พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์, ซิมโทรศัพท์มือถือ, อุปกรณ์สำหรับปลอมหนังสือเดินทางของจีน และสิ่งของซึ่งได้ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด รวมกว่า ๕๐๐ รายการ
โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ในส่วนนายเชินจือ สัญชาติจีน ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด” จำนวน ๑ ราย
โดยในเบื้องต้นจากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้นำคนจีนหลบหนีเข้ามาในพรมแดนธรรมชาติ และรวมตัวกันสร้างกลุ่มเพื่อหลอกลวงเหยื่อซึ่งเป็นคนจีน โดยการสร้างโปรไฟล์ปลอมขึ้นมา หลอกให้เหยื่อหลงเชื่อว่าเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวยจากการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอล สร้างความน่าเชื่อถือ และพูดคุย ชักชวนเหยื่อให้ร่วมลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลดังกล่าว โดยผ่านแอพพลิเคชั่นที่กลุ่มผู้ต้องหาสร้างขึ้นมาเอง
นอกจากนี้ในระหว่างตรวจค้นยังพบว่านายเจีย ฟู (สัญชาติจีน) อายุ ๒๒ ปี ได้ครอบครองบุหรี่ไม่ติดอากรสแตมป์ จำนวนกว่า ๙,๔๐๐ มวน ซึ่งเป็นการกระทำความผิดฐาน “มียาสูบที่ไม่ได้ปิดอากรสแตมป์ไว้ในความครอบครองเกินกว่า ๕๐๐ กรัม โดยไม่ได้รับอนุญาต”
และตรวจค้นพบไพ่จำนวน ๕๕ สำรับ (จำนวน ๒,๙๗๐ ใบ) วางอยู่บนโต๊ะในห้องพักภายในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง บริเวณ ม.๖ ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นห้องพักของนายลิมฯ (สัญชาติฟิลิปปินส์) อายุ ๓๙ ปี จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน “มีไพ่ซึ่งมิใช่ที่กรมสรรพสามิตทำขึ้นไว้ในความครอบครองเกินกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบใบ หรือมีไพ่ซึ่งมิใช่ที่มีตรากรมสรรพสามิตได้กำหนดขึ้นประทับไว้อยู่ในความครอบครองเกินกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบใบ” นำส่งพนักงานสอบสวนสภ.หมอกจำแป่ ดำเนินคดีกฎหมายต่อไป
ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนพบว่า กลุ่มชาวต่างชาติดังกล่าว หลบหนีมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในราชอาณาจักรผ่านทางชายแดนทางภาคเหนือและภาคอีสาน จากนั้นเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย โดยไม่ผ่านขั้นตอนการตรวจลงตราตามกฎหมาย จากนั้นมารวมกลุ่มกันทำงานในลักษณะคอลเซ็นเตอร์ มีการวางแผนสร้างโปรไฟล์ออนไลน์ หลอกลวงเหยื่อโดยใช้ลักษณะที่เป็นบุคคลหน้าตาดี มีฐานะร่ำรวย จากนั้นจะชักชวนเหยื่อโดยการพูดคุยผ่านทางแอพลิเคชั่นต่างๆ ในลักษณะชักชวนเล่นพนันออนไลน์, โรแมนซ์สแกม หรือหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ ซึ่งกองบังคับการปราบปรามจะได้ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผล และดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป