ตำรวจภาค 3 เดินหน้าโครงการยาเสพติดยั่งยืน เผยลดเงินซื้อยาปีละ 5 พันล้าน

ตำรวจภาค 3 เดินหน้าโครงการ”การแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชนอย่างยั่งยืน”ให้กลุ่มเสพยาเดินเข้ามาเอง เสียงตอบรับจากผู้ปกครองพุ่ง ผู้นำท้องถิ่นเตรียมหนุน รอง ผบช.เผยหากลุ่มเสพในภาค 3 เลิกได้ จะมีเงินที่นำไปซื้อยามาเสพเข้าระบบเศรษฐกิจปีละกว่า 5,000 ล้านบาท

วันที่ 17 มิ.ย.64 ที่ศาลากลางหมู่บ้านถาวร ต.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3  ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมโครงการ”ชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ”ตามนโยบายของรัฐบาล

พร้อมร่วมตกลงร่วมมือ(MOU)ระหว่างผู้นำชุมชนและคณะกรรมการหมู่บ้านถาวร ต.หินเหล็กไฟ เพื่อไม่ให้ประชาชนในหมู่บ้านเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกประเภท ด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันปราบปรามยาเสพติดในเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนผู้ใช้แรงงาน

เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ หยุดยั้งการแพร่ระบาดยาเสพติดในหมู่บ้าน ที่มีปัญหาการแพร่ระบาดให้ลดน้อยลงจนถึงหมดสิ้นไป ,ร่วมกันควบคุมดูแลและทำลายขบวนการผู้ค้ายาเสพติดในหมู่บ้าน และสร้างความร่วมมือและความเข้มแข็งในการหยุดยั้งและป้องกันการแพร่ระบาดยาเสพติดในหมู่บ้าน ชุมชนอย่างยั่งยืน

พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย กล่าวว่า โครงการดังกล่าวตำรวจภูธรภาค 3 นำร่องก่อนทั้งหมด 236 โครงการ จาก 8 จังหวัดในเขตรับผิดชอบ มีจังหวัดชัยภูมิ ,นครราชสีมา ,บุรีรัมย์ ,สุรินทร์ ,ศรีสะเกษ,อุบลราชธานี ,อำนาจเจริญ และจังหวัดยโสธร

โครงการนี้มีหลายหน่วยงานร่วมบูรณาการด้วยกัน ตั้งแต่ตำรวจ ,สาธารณสุข ,กำนันผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าไปแสดงเจตนารมณ์ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดชัดเจน โดยให้เยาวชนที่ติดยาเสพติดในพื้นที่นั้นๆ เดินออกมาหาเจ้าหน้าที่ เพื่อขอบำบัด พร้อมเปิดโอกาสให้เรียนหนังสือและหาอาชีพให้

ตั้งแต่เริ่มโครงการมาประมาณ 50 วันจาก 90 วันของโครงการ มีเยาวชนกล้าเดินมาพบเจ้าหน้าที่เป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดความพึงพอใจทั้งผู้สมัครใจและผู้ปกครองเด็ก และเคาดไม่ถึงว่าเยาวชนที่เสพยา ส่วนมากไม่ได้ตั้งใจและอยากกลับมาเหมือนเดิม แต่ยังขาดโอกาสหรือช่องทางที่เหมาะสม โครงการนี้ถือเป็นโครงการแรกที่ทุกฝ่ายเข้าใจกันโดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง

รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวด้วยว่า เฉพาะในเขตตำรวจภูธรภาค 3 มีเงินสะพัดในวงการยาเสพติดประมาณปีละกว่า 5,000 บาท หากเยาวชนกลุ่มนี้ไม่ซื้อยามาเสพ เงินจำนวนนี้จะเข้ามาขับเคลื่อนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจโดยรวม ด้าน นางภาคินี ตั้งตรงเวชกิจ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหินเหล็กไฟ กล่าวว่า ปกติเทศบาลจะมีงบส่วนหนึ่งสำหรับการแก้ไขปัญหายาเสพติดอยู่แล้ว จากที่ได้สัมผัส เป็นโครงการที่ดี เพราะมีหลายหน่วยงานมาช่วยกัน ในส่วนของเทศบาลหินเหล็กไฟ พร้อมที่จะตั้งงบประมาณมาสานต่อให้ครอบทุกหมู่บ้าน เพื่อเป็นเกาะป้องกันยาเสพติดที่ถาวรต่อไป