ตำรวจสืบสวนภาค 2 ผนึกกำลังสภ.หนองขาม รวบพ่อค้าบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ในพื้นที่ศรีราชาได้ของกลางหลายรายการ

 (30 พ.ค.64) พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง ผบก.ภ.จว.นครนายก รักษาการแทน ผบก.สส.ภ.2 สั่งการให้ พ.ต.ท.กฤตภาส จำเนียนกุล สว.กก.สส.1บก.สส.ภ.2 ออกสืบสวนหาข่าวการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่มีจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จากการสืบสวนหาข่าวพบว่ามีร้านจำหน่ายอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าที่แถวถนนสุขาภิบาล8 ภายในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ พื้นที่สถานีตำรวจภูธรหนองขาม จึงได้ประสานกับ พ.ต.อ.วิสาขะ เพชรเกษม ผกก.สภ.หนองขาม เพื่อร่วมกันจับกุม โดยทางสภ.หนองขาม ได้ส่งพ.ต.ท.ศราวุธ เรืองอุตมานันท์ สวป.สภ.หนองขาม และร.ต.อ.กิติกร เพ็งสีดา รองสวป.สภ.หนองขาม นำกำลังตำรวจมาร่วมจับกุมกับทางกก.สส.1บก.สส.ภ.2 เข้าจับกุมผู้จำหน่ายอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า ชื่อร้านควันหอม โดยพบนายชอวินทร์ แก้วมาลา อายุ24 ปี กำลังยืนจำน่ายอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าอยู่ในร้าน จึงร่วมกันจับกุมตัวไว้ได้ พร้อมทั้งตรวจสอบพบอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า  บุหรี่ไฟฟ้า 52 เครื่อง น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า 290 ขวด  หัวพอดบุหรี่ไฟฟ้า แบบ 1 กล่อง 3 หัว 45 กล่อง แบบ 1 กล่อง 1 หัว 90 กล่อง คอล์ย 170 ตัว อะตอม 10 หัวลวด 31 คู่ แบตเตอรี่สำหรับใส่บุหรี่ไฟฟ้า 10 ก้อน สำลี 9  ห่อ และจับกุมตัวนายอานนท์ เทพณรงค์ อายุ 27 ปี ที่พักอยู่ในร้านแล้วควบคุมตัวทั้ง 2 คนมาสอบสวนที่ ที่พักสายตรวจสภ.หนองขาม

โดยทั้งหมด ให้การภาคปฏิเสธไม่ยินยอมบันทึกการจับกุม รับสารภาพว่าเป็นแค่ผู้จำหน่ายอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าอย่างเดียวซึ่งจากการสืบสวนของกก.สส.1บก.สส.ภ.2พบว่าร้านดังกล่าวเป็นผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ บุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ของอำเภอศรีราชา จำหน่ายมาได้นานกว่า 1 ปีแล้ว โดยมีนายทุนใหญ่ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ศรีราชา อยู่เบื้องหลัง ทั้ง2 คนนี้เป็นแค่คนช่วยกันดูแลร้านเท่านั้น ซึ่งของกลางจำนวนที่จับได้นี้ถ้านำไปจำหน่ายหมดจะมีมูลค่ากว่า 150,000 บาท

หลังจากนั้นทางชุดจับกุมจึงแจ้งข้อหา นายชอวินทร์ แก้วมาลา ผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าว่า”เป็นผู้ประกอบการฝ่าฝืนคำสั่ง คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่9/2558 เรื่อง ห้ามขาย หรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไฟปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับเอาไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ ว่าเป็นของอันเนื่อง ด้วยความผิดมาตรา 242 พรบ.ศุลกากรฯตาม พรบ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา246 ส่วนนายอานนท์ เทพณรงค์ ซึ่งพักอยู่ด้วยในร้านนั้นโดนแจ้งข้อหา “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับเอาไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่อง ด้วยความผิดมาตรา 242 พรบ.ศุลกากรฯตาม พรบ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา246 หลังจากนั้นจึงควบคุมตัวทั้ง 2 คนส่งพนักงานสอบสวนสภ.หนองขาม ส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งทางตำรวจก็จะได้ติดตามนายทุนใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป