จากกรณีเพจเฟสบุ๊ค ชื่อ social hunter reborn v4 โพสคลิป ความยาว 01.06 นาที เป็นภาพกล้องวงจรปิดภายในฉัตรมงคลแมนชั่น ซ.สะแกงาม 38 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. คนร้ายถืออาวุธปืนสั้นแบบลูกโม่ 1 กระบอก และอาวุธปืนสั้นแบบออโตเมติก 1 กระบอก ยิงใส่ตำรวจสายตรวจ สน.แสมดำ จนสามารถหลบหนีออกจากแมนชั่นไปได้อย่างลอยนวล ช่วงเวลา 03.15 น.ของวันที่ 15 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 พ.ค. ที่ห้องประชุมสน.แสมดำ พล.ต.ต.พงศ์อนันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท. รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.อชิรวิทย์ ทองจันดี ผกก.สน.แสมดำ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประชุมติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว โดยใช้เวลา 1 ชม.
พล.ต.ต.พงศ์อนันต์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ส.ต.ท.บวรทัต สุภาจิตร ส.ต.ท.ภาณุพงศ์ วุฒิเม ผบ.หมู่ งานป้องกันและปราบปราม สน.แสมดำ ได้ออกตรวจพื้นที่ด้วยจยย. 1 คัน ระหว่างการออกตรวจพบจยย.ต้องสงสัย 2 คัน จอดริมถนนสะแกงาม จึงขอตรวจค้น ขณะกำลังจะจอดรถเพื่อตรวจค้นผู้ต้องต้องสัยได้ขับขี่จยย.หลบหนีไปทางถนนพระราม 2 1 คัน เจ้าหน้าที่จึงขับรถติดตามจยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเอ็กซ์แม็กซ์ สีดำ สวมหมวกกันน๊อคสีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับหลบหนีเข้าไปภายในซ.สะแกงาม 38 ก่อนจะวิ่งเข้าไปทางเดินชั้นล่างภายในแมนชั่นแล้วหลบอยู่ในมุมมืด ระหว่างนั้นได้วิทยุขอกำลังเสริมและติดตามเข้าไปในแมนชั่น คนร้ายก็ได้ใช้อาวุธปืน 2 กระบอกยิงใส่เจ้าหน้าที่ 2 นาย มากกว่า 5 นัด เพื่อเปิดทางหลบหนีไปได้ในที่สุด
พล.ต.ต.พงศ์อนันต์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ มีแต่ร่องรอยความเสียหายจากกระสุนปืนและปลอกกระสุนปืนตกอยู่ที่เกิดเหตุ ได้แก่หัวกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 1 หัว ปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 3 ปลอก ส่วนผู้ต้องสงสัยอีกคันที่ขับไปทางถนนพระราม 2 นั้น อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบปากคำ ทั้งนี้ยุทธวิธีการติดตามจับกุมยืนยันว่าเป็นไปตามยุทธวิธียามวิกาลที่ต้องคำนึกถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง หลังจากนี้จะตรวจสอบว่ามีข้อบกพร่องตรงไหนบ้างหากพบว่ามีความผิดพลาดพร้อมจะปรับปรุงแก้ไขต่อไป
พล.ต.ต.พงศ์อนันต์ กล่าวอีกว่า ส่วนการดำเนินคดีพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ จนสามารถทราบตัวผู้ก่อเหตุและได้ทำการขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับนายพงษ์ศักดิ์ เกิดความเย็น อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ 217/64 ลงวันที่ 16 พ.ค.64 ข้อหา “พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน, มีอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร” ขณะนี้ฝ่ายสืบสวน สน.แสมดำ สน.ทุ่งครุ สส.บก.น.8 สส.บก.น.9 ร่วมกันติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รายงานข่าวเปิดเผยว่า จากการสืบสวนทราบว่าคนร้ายอาจรู้จักคนในแมนชั่นจึงจะหลบหนีเข้าไปเพื่อจะซ่อนตัว อีกทั้งพบประวัติคนร้ายเคยถูกจับดำเนินคดีปล้นทรัพย์ ค้ายาเสพติด ในหลายคดีหลายพื้นที่ของ กทม. โดยล่าสุด สน.ทุ่งครุ จับกุมในข้อหาเสพยาเสพติดเพิ่งพ้นโทษ เดือนต.ค. ปี 2563 และล่าสุดสืบทราบว่า เมื่อเดือน มี.ค. 64 ที่ผ่านมา ภรรยาของนายพงษ์ศักดิ์ ถูกจับกุมคดีครอบครองยาเสพติด แต่ได้ให้การซักทอด จึงมีหมายจับติดตัวของ สน.ทุ่งครุ คดีสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวยาเสพติดฯ จึงมีความระแวงคิดว่าตำรวจจะมาจับกุมตัว เป็นเหตุให้ชักอาวุธออกมายิงใส่เพื่อเปิดทางหนีไม่ให้ถูกจับกุมตัว
ต่อมาเวลา 18.00 น. ที่สน.แสมดำ พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท. รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.อชิรวิทย์ ทองจันดี ผกก.สน.แสมดำ ฝ่ายสืบสวน สน.แสมดำ สน.ทุ่งครุ สส.บก.น.8 สส.บก.น.9 ร่วมกันคุมตัวนายพงษ์ศักดิ์ เกิดความเย็น อายุ 38 ปี มาสอบปากคำที่ห้องสืบสวน สน.แสมดำ โดยนายพงษ์ศักดิ์ มีสีหน้าอิดโรย ไม่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด
พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ กล่าวว่า หลังสืบทราบว่าผู้ต้องหาได้ไปพักอาศัยอยู่บ้านเช่าของเพื่อน ไม่มีเลขที่ ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สาขลา พร้อมกับพ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท. รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.อชิรวิทย์ ทองจันดี ผกก.สน.แสมดำ ฝ่ายสืบสวน สน.แสมดำ สน.ทุ่งครุ สส.บก.น.8 สส.บก.น.9 ร่วมกันปิดล้อมกดดันให้นายพงษ์ศักดิ์ ผู้ต้องหานั้นมอบตัวโดยดี แต่ขณะปิดล้อมผู้ต้องหาได้ยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ยิงตอบโต้
พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ กล่าวต่อว่า จนกระทั่งผู้ต้องหาถูกยิงถากเข้าที่สีข้างฝั่งขวาได้รับบาดเจ็บจึงตะโกนบอกว่าภายในบ้านมีหลานชายอายุ 10 ขวบ อยู่ภายในบ้านด้วยพร้อมอ้างว่าได้จับเป็นตัวประกันไว้ เจ้าหน้าที่จึงหยุดยิงและทำการเจรจาและประสานให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้าแก้ไขสถานการณ์ ผ่านไปราว 20 นาที ผู้ต้องหาได้ขอมอบตัวโดยจะปล่อยเด็กไปก่อนจากนั้นวางปืนยอมแต่โดยดีพร้อมยืดอาวุธปืนออโตเมติก ยี่ห้อสตาร์ 9มม. 1 กระบอก และปืนสั้นลูกโม่ .38 1 กระบอก
พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ กล่าวต่อว่า จากการสอบถามผู้ต้องหายังไม่ยินยอมให้การถึงเรื่องวันเกิดเหตุที่จอดจยย.ถนนริมสะแกงาม ตลอดจนสาเหตุการยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงข้อมูลอื่นๆ จึงได้ประสานให้เจ้าหน้ากองพิสูจน์หลักฐานกลางเข้ามาเก็บหลักฐาน แล้วจะส่งมอบให้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำอย่างละเอียดและรวบรวมพยาน ก่อนจะนำไปฝากขังศาลอาญาธนบุรีในวันพรุ่งนี้ต่อไป