ผู้ต้องหาคนที่ 4 คดีลักพาตัวนักธุรกิจชาวไต้หวันอุ้มเรียกค่าไถ่ย่านทองหล่อ เข้ามอบตัวแล้ว

ตำรวจนครบาลระบุ พันตำรวจโท รองผู้กำกับการ กองบังคับการจราจร ผู้ต้องหาคนที่ 4 คดีลักพาตัวนักธุรกิจชาวไต้หวันอุ้มเรียกค่าไถ่ย่านทองหล่อ เข้ามอบตัวแล้ว เบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมคุมตัวส่งฝากขังศาลวันนี้

พลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยความคืบหน้าคดีการจับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติ ที่ก่อเหตุลักพาตัวนักธุรกิจชาวไต้หวันอุ้มเรียกค่าไถ่ จากร้านอาหารย่านทองหล่อ เหตุเกิดเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พันตำรวจโท รองผู้กำกับการ กองบังคับการจราจร ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคนที่ 4 ในคดีนี้ ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ แล้ว เบื้องต้นทราบว่าได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะที่ตำรวจมีหลักฐานยืนยันว่ารองผู้กำกับการนายดังกล่าว มีส่วนร่วมกระทำความผิดชัดเจนและอยู่ในที่เกิดเหตุวันที่เกิดเรื่อง โดยไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ซึ่งหลังการสอบสวนปากคำเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนจะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ไปส่งฝากขังต่อศาลอาญา รัชดาภิเษก พร้อมยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติซึ่งไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และมีตำรวจร่วมกระทำความผิด ส่วนจะมีผู้ไปยื่นขอประกันตัว และจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่ดุลยพินิจของศาล สำหรับรองผู้กำกับการนายดังกล่าว หลังจากนี้กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยด้วย

นอกจากนี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังชี้แจงว่า เหตุที่คดีนี้ตำรวจต้องใช้เวลานานกว่า 1 เดือน กว่าจะเข้าจับกุมผู้ต้องหา เป็นเพราะขณะเกิดเหตุผู้ต้องหามีการอำพรางใบหน้าขณะกระทำความผิด ประกอบกับต้องรอหลักฐานต่างๆ ที่ผู้เสียหายนำไปมอบให้พิจารณาหลายรอบ กระทั่งสามารถระบุตัวได้ชัดเจน 6 คน จึงไปขอศาลออกหมายจับ และยอมรับว่ายังมีผู้ต้องหาอีกหลายรายที่จะเร่งพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคล สำหรับผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีเบื้องต้นเปิดเผยได้แค่ว่าเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งคดีนี้มี 2 สัญชาติ คือ ชาวอเมริกัน และชาวอิสราเอล และหลังมีการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาแล้ว ก็ได้รายงานผลการปฏิบัติไปยังสถานฑูตของทั้งสองประเทศ เพื่อป้องกันผลกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามกระบวนการปกติ สำหรับผู้ต้องหาที่กระทำผิด จากการสืบสวนยืนยันว่าผู้ต้องหาและผู้เสียหายรู้จักกันมาก่อนจากการประกอบธุรกิจ โดยกลุ่มผู้ต้อง เข้ามาประกอบอาชีพรับให้คำปรึกษาทางธุรกิจในไทย ซึ่งเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้ระยะหนึ่งแล้ว และยืนยันว่าการจับกุมผู้ต้องหา เป็นการดำเนินการตามที่ศาลอนุมัติออกหมายจับ

อย่างไรก็ตามสำหรับกรณีของนายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ทราบว่าได้ติดต่อมาทางผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เพื่อสอบถามเรื่องการยื่นขอประกันตัว ซึ่งจากการตรวจสอบยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ จึงยังไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียกให้มาให้ปากคำ และไม่ทราบว่ามีความสัมพันธ์ใดกับผู้ต้องหาหรือผู้เสียหายหรือไม่