รวบโจรงัดร้าน 4 ครั้งภายในเดือนเดียว อ้างเพิ่งพ้นโทษไม่มีเงิน

ผู้เสียหายแห่ดูตัวโจรแสบ ตระเวนงัดบ้าน ร้านอาหาร ผงะ เดือนเดียวก่อเหตุ 4 ครั้ง อ้าง หลังออกจากเรือนจำแล้วไม่มีงานทำ ไม่มีเงิน

วันนี้ (7 เม.ย.64) เวลา 09.00 น. ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา, พ.ต.ท.ณัฏฐ์เดชา ฐานิภัทรราพงศ์ รองผกก.สืบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ทำการจับกุมตัว นายเกรียงไกร ประสงค์ดี อายุ39ปี ชาวอำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ พร้อมด้วยของกลางเป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟรุ่น110ไอ สีขาว-น้ำตาล ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน1คัน, พระเครื่อง จำนวน 52 องค์, ตระกรุด จำนวน7ดอก, เหรียญรัชกาลที่5 จำนวน 2 เหรียญ, เลสพระข้อมือจำนวน 1 เส้น, กำไลทองเหลืองข้อมือ จำนวน1 เส้น และเงินเหรียญ จำนวน 490 บาท


พฤติการณ์ คือ ผู้ต้องหาได้เข้าไปก่อเหตุงัดร้านอาหารโชกุนอินเตอร์ฟู๊ด ซึ่งตั้งอยู่ข้างจวนผู้ว่าราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา ถึง 2 ครั้งภายในสัปดาห์เดียว ภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกพฤติกรรมของผู้ต้องหาไว้ได้ เป็นชาย ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า และพกไฟฉาย 1 อัน เข้าไปรื้อคนทรัพย์สินภายในร้านอาหาร ฉีกซองผ้าป่าที่ลูกค้าร่วมทำบุญเอาไว้ ซึ่งได้เงินสดไปจำนวนหนึ่ง แต่ละครั้งที่ก่อเหตุใช้เวลากว่า 30 นาที จึงหลบหนีออกจากร้านไป
ด้าน พ.ต.อ.ประเวศ เผยว่า ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาผู้ต้องหาได้เข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ตามบ้านเรือนประชาชน เมื่อ 28 มี.ค.64 และ 3 เม.ย.64 เจ้าของร้านโชกุน ผู้เสียหายอ้างว่าถูกงัดแงะลักทรัพย์ภายในร้าน ได้เงินไป 1,400 บาท ต่อมา 4 เม.ย.64 ผู้ต้องหาได้ไปลักทรัพย์ที่บ้านพักเจ้าหน้าที่รถไฟ ได้เงินสดไปประมาณ 10,000 บาท, พระเครื่องจำนวนหนึ่ง และเอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายขับหลบหนี จากนั้น 6 เม.ย.64 น.ส.พรนิภา เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ถ.สายเอเชีย ถูกงัดร้านและได้เงินสดไปประมาณ 5,000 บาท
จากการสอบถามนายเกรียงไกร ประสงค์ดี ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่าเพิ่งจะพ้นโทษมาจากเรือนจำในคดีลักทรัพย์ มาได้3 เดือน พ้นโทษมาทำงานได้เพียงเดือนเดียวตกงาน หางานทำไม่ได้ไม่มีเงินใช้ จึงได้ตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์ ตามร้านค้า ร้านอาหาร ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หลายครั้ง พร้อมยกมือขอโทษผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “ลักทรัพย์ในเคหะสถานโดยทำลายสิ่งกีดกั้นฯ” จากนั้นนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อดำเนินคดีต่อไป