กองปราบรวบแก๊งโจรกรรมรถ ผู้ต้องหาตามปฏิทินหมายจับ บช.ภ.3 ปี 2564

กองปราบปราม พ.ต.ท.อภิชน ขันกา สว.กก.4 บก.ป/เจ้าหน้าที่ ชป.2 ศปจร.ตร, ร.ต.อ.จิรัฎฐวัฒน์ กิจรุ่งเรืองเดช, ร.ต.อ.ถวิล  สายอินต๊ะ, ร.ต.ต.นิติธร  ประชัญกาญจนา รอง สว.กก.4 ป., ร.ต.อ.ณรงค์ สอดสุข, ร.ต.ท.ฤทธิวัตร์  เอี่ยมอุดม รอง สว.(ป.) กก.๔ บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปฏิบัติการ ๕ กก.๔ บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายสิทธิชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ สถานที่จับกุม บริเวณบ้าน ม.8 ต.ท่าใหญ่ อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ

ตามหมายหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ 48/2560 ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560 ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการลักทรัพย์ หรือพาทรัพย์นั้นไป” สภ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี และหมายจับของศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ 35/2560 ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560 ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปลักทรัพย์ (รถจักรยานยนต์) ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด การพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร” สภ.นาโพธิ์ จ.อุบลราชธานี

พฤติการณ์ เนื่องด้วยกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ได้เผยแพร่ปฏิทินหมายจับผู้ต้องหาของทางศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งมีนายสิทธิชัยฯ (ผู้ต้องหา) เป็น 1 ในรายชื่อในปฏิทินหมายจับและยังไม่ได้ถูกจับกุมดำเนินคดีแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมนายสิทธิชัยฯ ตามหมายจับดังกล่าว จนกระทั่งทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่บริเวณบ้าน ม.8 ต.ท่าใหญ่ อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อพบผู้ต้องหา จึงได้ทำการจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.พิบูลมังสาหาร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่าตนก่อเหตุเมื่อปี 2560 ร่วมกันกับคนรู้จักอีก 2 คน (ไม่ทราบชื่อจริง) โดยผู้ต้องหาจะทำหน้าที่ขับขี่รถจักยานยนต์ พาเพื่อนไปก่อเหตุ โดยมี        นายอ่อนฯ เป็นคนขับรถอีกคัน และมีนายโอฯ เป็นคนลงมือหักคอรถจักยานยนต์ ก่อนจะต่อสายตรงรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว เมื่อสามารถลักรถจักรยานยนต์ได้แล้ว กลุ่มของตนจะนำรถจักรยานยนต์ไปส่งขายที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยผ่านช่องทางบริเวณ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ซึ่งในการก่อเหตุแต่ละครั้ง ตนจะใช้รถจักยานยนต์ 2 คันในการก่อเหตุ และสำหรับการเลือกรถจักยานยนต์ ตนจะเลือกรถจักรยานยนต์ที่ไม่ล็อคคอหรือรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ในบ้านที่ไม่ปิดประตู โดยผู้ต้องหายอมรับว่าทำมาแล้วหลายครั้งหลายพื้นที่ใน จ.อุบลราชธานี  ซึ่งในการก่อเหตุแต่ละครั้ง ผู้ต้องหาจะได้รับเงินจากนายโอฯ จำนวน 1,000 บาท ต่อรถจักรยานยนต์หนึ่งคัน แต่ผู้ต้องหาให้การว่าตนเองจำไม่ได้ว่าเคยก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ไปแล้วทั้งหมดกี่คัน