วันที่ 23 ก.พ. 2564 กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบฝาสุวรรณ, พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ ปิตะบุตร, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป., พ.ต.ท.รณกร สุขมงคล, พ.ต.ท.พงษ์พันธ์ ศิริภัทรนุกุล พ.ต.ท.มนูญ แก้วก่ำ, พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีทา รอง ผกก.4 บก.ป. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.อภิชน ขันกา สว.กก.4 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ 5 กก.4 บก.ป ร่วมกันจับกุม นายคเชนทร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลแขวงเชียงใหม่ ที่ 246/2562 ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 ข้อกล่าวหา “ฉ้อโกง” จับกุมตัวได้ที่ บริเวณตลาดย่านสายไหม แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯ
สืบเนื่องมาจาก ก่อนเกิดเหตุ นายคเชนทร์ฯ (ผู้ต้องหา) ได้เข้ามาทำความสนิทสนมกับหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใน ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เนื่องจากทางวัดกำลังจะบูรณะปฏิสังขรณ์ โดยผู้ต้องหาใช้วิธีการแอบอ้างว่าเป็นคนบ้านเดียวกับเจ้าอาวาส และเป็นอดีต ผู้สมัคร สส. ในจังหวัดหนึ่ง รู้จักกับคนมีชื่อเสียงและข้าราชการระดับสูงจำนวนหลายคน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ หลังจากนั้นได้เสนอขอรับเหมางานบูรณะปฏิสังขรณ์วัด ซึ่งทางวัดหลงเชื่อตกลงว่าจ้างให้ผู้ต้องหาดำเนินการ โดยตกค่าจ้างเป็นจำนวนเงินประมาณ 2,500,000 บาท ซึ่งเมื่อผู้ต้องหาได้รับเงินค่าจ้างดังกล่าวแล้ว ผู้ต้องหากลับหลบหนี ไม่ดำเนินการตามที่ตกลงว่าจ้างไว้ โดยทางวัดได้พยายามติดต่อไปทางผู้ต้องหา แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ทางเจ้าอาวาสพร้อมคณะกรรมการวัดจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการออกหมายจับผู้ต้องหาไว้ตามหมายจับดังกล่าว
จนกระทั่งวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อพบผู้ต้องหา จึงทำการจับกุมตัว และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป