วันที่ 5 ก.พ.64 ที่ บก.สอท ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศพดส.ตร.), พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. และรอง ผอ.ศพดส.ตร., นายแพทย์ ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, ผู้แทนกระทรวงพัฒนาความมั่นมนุษย์, พ.ต.อ.ดร.อัครพล บุญโญปัษฏัมภ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ, นายลีโอนาร์ด แมนคูโซ ผู้ช่วยทูตประจำประเทศไทย สำนักงานผู้ช่วยทูตสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา, พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4, พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง ผบก.สอท.1 และโฆษก บช.สอท. และผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงข่าวจับกุมขบวนการแก๊งอุ้มบุญข้ามชาติ
จากสืบสวนเบื้องต้นพบว่ามีเด็กทารก อายุประมาณ 4 เดือน เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดีด้วยภาวะชักเกร็ง และมีเลือดออกในสมอง แพทย์วินิจฉัยว่าเกิดจากการได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง จากการสอบสวนปากคำมารดาของทารกดังกล่าว ได้ความว่าตนได้รับจ้างตั้งครรภ์แทนโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (การอุ้มบุญ) และรอการส่งมอบเด็กให้ผู้ว่าจ้าง โดยจะมีนายหน้าชาวต่างชาติเป็นผู้ว่าจ้างและออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด โดยมารดาผู้รับตั้งครรภ์แทนจะต้องเดินทางไปที่ประเทศกัมพูชาเพื่อไปฝังตัวอ่อนทารก จากนั้นจะเดินทางกลับมายังประเทศไทย จนกระทั่งเมื่อถึงกำหนดคลอดทารก ผู้ว่าจ้างจะสั่งให้มารดาผู้รับตั้งครรภ์เดินทางไปยังประเทศที่สามเพื่อทำการคลอดทารกยังสถานพยาบาลที่ผู้ว่าจ้าง และทำการส่งมอบทารกในคราวเดียวกัน
จากสืบสวนเบื้องต้นพบว่ามีเด็กทารก อายุประมาณ 4 เดือน เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดีด้วยภาวะชักเกร็ง และมีเลือดออกในสมอง แพทย์วินิจฉัยว่าเกิดจากการได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง จากการสอบสวนปากคำมารดาของทารกดังกล่าว ได้ความว่าตนได้รับจ้างตั้งครรภ์แทนโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (การอุ้มบุญ) และรอการส่งมอบเด็กให้ผู้ว่าจ้าง โดยจะมีนายหน้าชาวต่างชาติเป็นผู้ว่าจ้างและออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด โดยมารดาผู้รับตั้งครรภ์แทนจะต้องเดินทางไปที่ประเทศกัมพูชาเพื่อไปฝังตัวอ่อนทารก จากนั้นจะเดินทางกลับมายังประเทศไทย จนกระทั่งเมื่อถึงกำหนดคลอดทารก ผู้ว่าจ้างจะสั่งให้มารดาผู้รับตั้งครรภ์เดินทางไปยังประเทศที่สามเพื่อทำการคลอดทารกยังสถานพยาบาลที่ผู้ว่าจ้าง และทำการส่งมอบทารกในคราวเดียวกัน
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้มารดาที่รับตั้งครรภ์แทนไม่สามารถเดินทางออกไปคลอดนอกประเทศได้ จึงจำเป็นที่จะต้องคลอดในสถานพยาบาลในประเทศไทยแทน และทำการส่งมอบทารกให้นายจ้าง จากนั้นนายจ้างชาวต่างชาติจะมอบค่าตอบแทนให้ 500,000 บาท ถือเป็นการเสร็จสิ้นกระบวนการรับจ้างตั้งครรภ์แทนเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้บูรณาการร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐานตามข้อมูลดังกล่าวและติดตามกลุ่มชาวต่างชาติที่ว่าจ้างหญิงไทยที่รับตั้งครรภ์คนดังกล่าว จนทราบว่า กลุ่มชาวต่างชาติที่เป็นนายหน้าจัดหาเด็กทารกนั้นได้เปิด สถานที่รับเลี้ยงเด็ก ชื่อว่า “ GS กิ๊ก บริการศูนย์แม่บ้าน ” มีการรับเลี้ยงดูแลเด็กทารกจริง และมีเด็กทารกอยู่ในความดูแล จำนวน 2 คน ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นทารกที่เกิดจาก “ ขบวนการอุ้มบุญ ” ลักษณะเดียวกันกับมารดาผู้รับจ้างตั้งครรภ์ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจพบก่อนหน้านี้จริง
จากนั้นทำการสืบสวนจนทราบว่ามีกลุ่มหญิงไทยที่ได้รับจ้างตั้งครรภ์แทนและเดินออกนอกประเทศเพื่อฝังตัวอ่อนในลักษณะเดียวกันอีกเป็นจำนวนมาก จึงได้ทำการสืบสวนอย่างต่อเนื่องพบกลุ่มชาวต่างชาติผู้เป็นนายหน้าว่าจ้างให้หญิงไทยตั้งครรภ์แทน จำนวน 3 ราย และกลุ่มหญิงไทยที่รับจ้างตั้งครรภ์แทนมี จำนวน 4 ราย จากการปฏิบัติการเข้าตรวจค้นทั้ง 9 จุด ในเขตกรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงเช้าของ บก.สอท.4 บช.สอท. มีผลการปฏิบัติดังนี้
สามารถช่วยเหลือเหยื่อเป็นเด็กได้ จำนวน 2 ราย อายุประมาณ 6 เดือน และอายุประมาณ 8 เดือน ,ตรวจพบผู้ดูแลเหยื่อเป็นบุคคลสัญชาติฟิลิปปินส์ จำนวน 2 ราย ,สถานที่ตรวจพบเปิดเป็น บริษัททำความสะอาดบังหน้า โดยใช้ชื่อหญิงชาวจีน และตรวจสอบพบผู้หญิงที่ยอมรับว่าเป็นผู้ที่อุ้มบุญ จำนวน 3 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวน นอกจากนี้ตรวจพบผลแล็บจากสถาบันเอกชน ยืนยันว่า DNA ของพ่อเด็กเป็นคนสัญชาติจีน ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างการดำเนินการสืบสวนขยายผลของ บช.สอท.
พล.ต.ท.กรไชย กล่าวอีกว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 มาตรา 24 “ ดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า ” มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท “ มาตรา 27 “ กระทำการเป็นคนกลางหรือนายหน้าโดยเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดเพื่อเป็นการตอบแทนในการจัดการหรือชี้ช่องให้มีการตั้งครรภ์แทน ” มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท รวมถึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 อีกด้วย