เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 2 ก.พ. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.กล่าวถึงกรณีเมื่อเย็นวานนี้(1ก.พ.) มีเหตุชุลมุนระหว่างกลุ่มชาวเมียนมา และการ์ดวีโว่ ที่เข้าปะทะกับตำรวจควบคุมฝูงชนระหว่างการกระชับพื้นที่ชุมนุมหน้าสถานทูตเมียนมา ถนนสาทร จนมีตำรวจบาดเจ็บ 15 นาย ว่า ภายหลังการชุมนุมครั้งนี้ ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย คือ นายปัณณพัทธ์ จันทนางกูล อายุ 19 ปี กับนายเกียรติศักดิ์ พันธุ์เรณู อายุ 20 ปี ในข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน , พ.ร.บ.ควบคุมโรค และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และจับกุมนายวิชพรรษ ศรีกสิพันธุ์ อายุ 21 ปี ในความผิดที่เกี่ยวกับการใช้เครื่องขยายเสียง โดยผู้ต้องหา 2 คนแรก ตำรวจมีหลักฐานพบว่ามีพฤติกรรมการใช้อาวุธ การขว้างปาสิ่งของทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ จนเป็นเหตุให้มีตำรวจบาดเจ็บ 12 นาย และสาหัสอีก 2 นาย อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะต้องรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดผู้อื่นเพิ่มเติมอีกหลายราย ซึ่งผู้ที่ขึ้นปราศรัยชักชวนให้คนมาร่วมชุมนุมก็ถือว่าเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.215 วรรค 3 เช่นกัน ขณะเดียวกัน ผู้ชุมนุมอ้างว่าการชุมนุมเต็มไปด้วยความสงบ แต่ภาพที่ปรากฎออกไปก็จะเห็นว่ามีการใช้หิน พลุเพลิง ระเบิดควัน และวัตถุระเบิด เกิดขึ้นตามสถานที่ต่างๆ เช่นเหตุการณ์ยิงกันที่แยกเกียกกาย แยกรัชโยธิน กองสลากเก่า สามย่านมิตรทาวน์ ล้วนมีการใช้อาวุธก่อความไม่สงบ
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ยังต้องรอให้เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด(อีโอดี) กับกองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจวิเคราะห์วัตถุระเบิดที่พบจากเหตุการณ์ที่สถานทูตเมียนมาว่า มีความเชื่อมโยงกับคดีอื่นที่ผ่านมาข้างต้นหรือไม่ ยืนยันว่าหากมีหลักฐานโยงไปถึงใครก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนความผิดอื่นๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินนั้น เบื้องต้นพบว่ามีป้ายรถประจำทาง สวนหย่อม และกำแพงที่ได้รับความเสียหายจากการชุมนุมครั้งนี้ แต่ยังต้องรอให้หน่วยงานรัฐอื่นๆ และเอกชน สำรวจความเสียหายก่อนเข้าแจ้งความกับตำรวจต่อไป.