วันนี้ (13 ธ.ค. 63) เวลา 10.30 น. พล.ต.ต.ธรรมนูญ ประยืนยง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช,
พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ ผกก.สภ.ทุ่งสง พ.ต.อ.กิตติพงศ์ ทองทิพย์ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจในสังกัด
ร่วมแถลงข่าว ผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมตามแผนพิทักษ์ราษฎร์ ป้องภัย ให้กับประชาชน ระหว่างวันที่ 4-9 ม.ค. 64 ณ บริเวณหน้าอาคารที่ทำการ สภ.ทุ่งสง
ตามที่ ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้ทุกสถานีตำรวจในสังกัด ถือปฏิบัติตามแผนป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ประจำปี พ.ศ.2563 แผนพิทักษ์ราษฎร์ป้องภัย ห่วงใยประชาชน 2563 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยได้ทำการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระหว่างวันที่ 4 – 9 มกราคม 2564 (รวม 6 วัน) โดยเน้นเป้าหมายสำคัญ ได้แก่ อาวุธปืน อาวุธสงคราม ยาเสพติด คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ คดีเกี่ยวกับชีวิตร่างกายและเพศ หมายจับค้างเก่า ให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม นั้น
ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช จึงสรุปผลการจับกุม ดังนี้ ผลการจับกุมตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน จำนวน 23 ราย 23 คน รายที่ 1. จับกุมอาวุธปืนไม่มีทะเบียน จำนวน 15 ราย อาวุธปืน จำนวน 15 กระบอก แยกเป็น- อาวุธปืนสั้น จำนวน 9 กระบอก – อาวุธปืนยาว จำนวน 6 กระบอก รายที่ 2. จับกุมเครื่องกระสุน จำนวน 8 ราย รวมเครื่องกระสุน จำนวน 44 นัด
ผลการจับกุมเกี่ยวกับยาเสพติด จับกุมตัว นายธีรพงศ์ หรือเอ็ม เพ็ชรแกมแก้ว ผู้ต้องหาที่ 1 นางสาวสุทธิดา หรือเมย์ สมทรงผู้ต้องหาที่ 2 นายชาญกิจ หรือภู ศรีสุกใส ผู้ต้องหาที่ 3 ข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า/ ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลาง 1. ยาบ้า จำนวน 134,418 เม็ด 2. ไอซ์ จำนวน 29.19 กรัม
3. อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก
ยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ 1. รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียน กล-5140 นครศรีธรรมราช ราคาประมาณ 200,000 บาท 2. รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมาสด้า 3 สีน้ำเงิน ติดแผ่นป้ายทะเบียน ชว 2872 กรุงเทพมหานคร ราคาประมาณ 100,000 บาท3. รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็ก สีน้ำตาล ติดแผ่นป้ายทะเบียน ฆช 4164 กรุงเทพมหานคร ราคาประมาณ 100,000 บาท
โดยมีพฤติการณ์ของคดี ดังนี้ ด้วยเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2564 เวลา 18.00 น. พ.ต.ต.เอกราช ทองทิพย์ สวป.สภ.ทุ่งสง หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามี นายเอ็ม หรือ เอ็ม ปอย เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ของภาคใต้ ซึ่งพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อำเภอทุ่งใหญ่ จะนัดซื้อขายยาเสพติดให้กับเครือข่ายยาเสพติดของอำเภอทุ่งสง โดยนำส่งยาเสพติดกันที่ โรงแรมสมาย รีสอร์ท ตำบลควนกรด อำเภอทุ่งสงฯ โดยนายเอ็ม ใช้รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเทา ฝากระโปรงหน้า สีดำ ทะเบียน กล-5140 นครศรีธรรมราช จึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ ผกก.สภ.ทุ่งสง รับทราบและได้สั่งการให้เข้าตรวจสอบเพื่อจับกุม โดย พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ ผกก.สภ.ทุ่งสง ได้นำตรวจสอบด้วยตนเอง เมื่อไปถึงโรงแรมดังกล่าวจึงทำการวางแผนการจับกุมเข้าประจำจุด ต่อมาเวลาประมาณ 23.30 น. ได้มีรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเทา ฝากระโปรงหน้าสีดำ ทะเบียน กล-5140 นครศรีธรรมราช ซึ่งตรงตามที่สายลับแจ้ง ขับขี่เข้ามาในโรงแรม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบ นายธีรพงศ์ หรือเอ็มหรือเอ็ม ปอย เพ็ชรแกมแก้ว(บุคคลเป้าหมาย) เป็นผู้ขับขี่ และนางสาวสุทธิดา หรือเมย์ สมทรง (ภรรยา) เป็นผู้โดยสาร และขอทำการตรวจค้นตัวบุคคลและภายในรถคันดังกล่าว ผลการตรวจค้นภายในรถยนต์ พบยาบ้า จำนวน 418 เม็ด และ ไอซ์ จำนวน 29.19 กรัม จึงควบคุมตัวมาเพื่อทำการสอบสวนขยายผล ที่สถานีตำรวจภูธรทุ่งสง ผลการสอบสวนขยายผล นายธีรพงศ์ หรือเอ็ม หรือเอ็ม ปอย เพ็ชรแกมแก้ว ให้การรับว่าตนเองมีอาวุธปืน และยาบ้าซุกซ่อนอยู่ภายในบ้านและสวนยางพาราของตนเอง ที่บ้านควนปริง หมู่ที่ 7 ตำบลท่ายาง อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช อีกจำนวนมาก และตนเอง ยินดีโดยสมัครใจ นำเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไปตรวจยึดต่อไป
ต่อมาในวันที่ 11 มกราคม 2564 เวลาประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ ผกก.สภ.ทุ่งสง ได้ให้ นายธีรพงศ์ หรือเอ็มหรือเอ็ม ปอย เพ็ชรแกมแก้ว และนางสาวสุทธิดา หรือเมย์ สมทรง (ทราบชื่อสกุลจริงภายหลัง) นำไปชี้จุดที่ ซุกซ่อนยาบ้า ภายในสวนยางพาราของตนเอง ที่บ้านควนปริง หมู่ที่ 7 ตำบลท่ายาง อำเภอทุ่งใหญ่
จังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจทุ่งใหญ่ นำโดย พ.ต.อ.กิตติพงษ์ ทองทิพย์ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ พบอาวุธปืน ขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก ซุกซ่อนอยู่ในบ้าน และพบยาบ้า จำนวน 134,000 เม็ด ซึ่งซุกซ่อนโดยขุดหลุมฝังอยู่ในภายใน สวนยางพาราดังกล่าว จำนวน 2 หลุม และ จับกุมนายชาญกิจ หรือภู ศรีสุขใส ซึ่งมีหน้าที่เฝ้ายาบ้า ดังกล่าว จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 มาทำการสอบสวนขยายผลอีกครั้งร่วมกับ ชุดสืบสวนขยายผลยาเสพติดภาค 8 เพื่อสืบสวนติดตามจับกุมผู้ร่วมเครือข่ายยาเสพติด และทลายเครือข่ายยาเสพติด เครือข่ายนี้ให้หมดสิ้น