เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 26 พ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อม พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น./โฆษก บช.น. และพล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. ร่วมแถลงข่าวกรณีที่กลุ่มราษฎรได้นัดทำกิจกรรมชุมนุมกันที่บริเวณด้านหน้าธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ ถนนรัชดาภิเษก เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 25 พ.ย.63 แต่หลังจากที่แกนนำประกาศยุติการชุมนุม ได้เกิดเสียงดังคล้ายประทัด 1 นัด และเสียงดังคล้ายปืนตามมาอีก 3-4 นัด บริเวณหน้าร้านแม็คโดนัล อเวนิว เมเจอร์รัชโยธิน จนมีผู้บาดเจ็บ จำนวน 2 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล คือ 1.นายประชากร ศักดิ์ศรีเท้า อายุ 20 ปี อดีตนักศึกษาอาชีวะสถาบันเทคนิคปทุมธานี ถูกนำตัวส่งรพ.พระรามเก้า 2.นายภาสพงศ์ กุลอมรกานต์ อายุ 25 ปีอดีตนักศึกษาอาชีวะสถาบันมีนบุรีโปลีเทคนิคถูกส่งรพ.เซ็นหลุยส์
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ เปิดเผยว่า กรณีมีเหตุทะเลาะวิวาทเมื่อวานนี้ มีบุคคลใช้อาวุธคล้ายวัตถุระเบิด และมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย ทาง บช.น.ขอยืนยันว่า ชายทั้งสองคนทั้งผู้บาดเจ็บที่จากอาวุธปืนและผู้บาดเจ็บจากการถูกทำร้าย ทั้งสองอยู่ในพื้นที่การชุมนุม ซึ่งพยานหลักฐานเบื้องต้นทั้งสองกลุ่มทำหน้าที่การ์ดรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุม สำหรับสาเหตุที่เกิดขึ้น เบื้องต้นพบว่าเกิดจากความโกรธแค้นส่วนตัว
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ เปิดเผยต่อไปว่า สำหรับมาตรการป้องกันไม่ให้นำอาวุธเข้าพื้นที่ชุมนุม ตำรวจจะเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลประชาชนทุกฝ่าย ตามปกติตำรวจจะกำหนดขอบเขตของผู้ชุมนุม ทั้งสองฝ่ายไม่ให้เกิดการทะเลาะ หรือ เผชิญหน้ากัน แต่เนื่องจากการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา และในหลายครั้งตำรวจประสบปัญหาไม่สามารถเข้าไปดูแลในพื้นที่ชุมนุมได้ ส่งผลให้การดูแลพื้นที่ได้ไม่ทั่วถึง ทั้งนี้ ตำรวจยินดีหากกลุ่มผู้ชุมนุมประสานขอกำลังตำรวจเข้าไปดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อทุกฝ่าย
ขณะที่ พล.ต.ต.จิรพัฒน์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังในโลกโซเชียล พบว่าทั้งสองกลุ่มทะเลาะกันมานานกว่า 2 เดือนแล้ว ส่วนอาวุธปืนที่พบในที่เกิดเหตุเป็นปืนลูกโม่ ยี่ห้อ สวิตแอนด์เวสสัน ขนาด .38 พบว่ามีทะเบียนถูกต้อง แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบชื่อผู้ครอบครอง ตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ และคราบเขม่าดินปืน ในส่วนของผู้ขว้างวัตถุคล้ายระเบิด ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามตัว
มีรายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุด พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ได้ขอศาลอาญาออกหมายจับ นายภาสพงศ์ รวมทั้งสิ้น 3 ข้อหา ได้แก่ พยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่รับอนุญาต, และพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ หลังจากนี้จะอายัดตัวดำเนินคดีหลังจากรับการรักษาจากแพทย์แล้วเสร็จ