3 พ.ย.63- ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมในการดูและรักษาความปลอดภัยของกลุ่มผู้ชุมนุมที่จัดขึ้นในวันที่ 14 พ.ย.นี้ว่า ในวันพรุ่งนี้มีการชุมนุม 3 กลุ่ม กลุ่มแรกบริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ คือกลุ่มนักเรียนเลว กลุ่มที่ 2 กลุ่มผู้หญิงปลดแอกจัดงานที่บริเวณแยกคอกวัว และกลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มม็อบเฟสติวัลจัดกิจกรรมจุดบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยหน้าร้านแมคโดนัล
กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดผู้รับผิดชอบเหตุการณ์แบ่งออกเป็น 3 โซนใหญ่ๆ โซนที่ 1 ถนนราชดำเนินกลางตั้งแต่บริเวณแยกพระรูปทรงม้า แยก จปร.แยกมัฆวานไปจนถึงแยกผ่านฟ้าและอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บริเวณแยกคอกวัวและใกล้เคียง เป็นเขตพื้นที่ของกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 เป็นหน้าที่ของ พ.ต.อรรถวิทย์ สายสืบ รักษาราชการผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 โซนที่ 2 เป็นพื้นที่สำคัญ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและบริเวณโดยรอบไปจนถึง ถนนราชดำเนิน และสนามหลวง เป็นพื้นที่รับผิดชอบของ พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 นอกจากนี้ยังมีอีก 1 ชุดในการแก้ไขปัญหากรณีมีผู้ชุมนุมออกนอกพื้นที่ที่ได้พูดคุยกันไว้หรือจัดการชุมนุมในที่อื่น จะมีชุดเคลื่อนที่เร็วของ พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปะชัย รอ ง ผบช.น.ดูแลในภาพรวม
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.กล่าวเพิ่มเติมว่า ในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติฝากไปยังประชาชนหรือกลุ่มผู้ชุมนุมว่า การชุมนุมเป็นสิทธิ์ของทุกท่านเพียงแต่ต้องมี่การศึกษาข้อกฎหมายให้ดี มีสิ่งที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขทางกฎหมายยกตัวอย่างเช่นการแจ้งการชุมนุม การชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ ชุมนุมด้วยความสงบ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ในการดูแลความรักษาสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้น ทำตามกฎหมายกฎหมายทั้งกรอบนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์
เมื่อถามว่าจะต้องมีการวางสิ่งกีดขวางเพื่อป้องกันผู้ชุมนุมหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ เผยว่า ชั้นต้นยังไม่มีการวางสิ่งกีดขวางในเส้นทางจราจรแต่มีบางจุดที่ต้องวางแนวของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเตือนกลุ่มผู้ชุมนุม เบื้องต้นใน 3 กลุ่มที่จะจัดกิจกรรมพรุ้งนี้มีเพียงกลุ่มเดียวคือกลุ่มม็อบเฟสติวัลที่แจ้งการชุมนุม ส่วนการจัดกิจกรรมของกลุ่มนักเรียนเลวเรายึดถือสิทธิเสรีภาพ ส่วนมาตรการดูแลและเยาวชนก็ต้องใช้ตาม ป.วิเด็ก จะไม่ใช้มาตรการความรุนแรง
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าถ้าเกิดความวุ่นวายจะใช้น้ำฉีดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ ตอบว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบขั้นตอนกฎหมายและต้องอยู่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของผู้ชุมนุม ถ้าชุมนุมโดยปราศจากความรุนแรงก็ไม่มีอะไรแต่ถ้า มีการใช้ความรุนแรงเราก็ต้องบังคับใช้กฎหมายเบื้องต้นใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 34 กองร้อย
เมื่อถามต่อว่าการชุมนุมวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา มีการดำเนินคดีใครบ้าง รองผบช. น. เผยว่า เบื้องต้นในการดำเนินคดี เป็น 2 คดีหลักๆคดีแรกเป็นคดีที่สนสําราญราษฎร์เป็นคดีฝ่าฝืน พรบ.การชุมนุมสาธารณะมีผู้ต้องหาหรือผู้ที่มีส่วนที่จะต้องดำเนินคดี 24 ราย ส่วนคดีที่ 2 จะเป็นคดีของสน.ชนะสงคราม เป็น พรบ.ความสะอาด ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานเขตพระนครได้มาดำเนินการร้องทุกข์เรียบร้อยแล้ว ปรากฏตัวพิสูจน์ทราบประมาณ 3 คน คือคนที่นำกล่องไปรษณีย์มาในวันนั้น
ถามต่อว่า มีการตรวจสอบเอกสารภายในหรือยัง พล.ต.ต.ปิยะตอบว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบคดี พรบ.ความสะอาด ของสน.ชนะสงครามให้เสร็จสิ้น พยานหลักฐานต่างๆ ที่เป็นวัตถุจะถูกส่งไปยัง สน.สำราษราษฎร์ เพื่อเป็นหลักฐานประกอบคดี ตาม พรบ.การชุมนุมสาธารณะอีกส่วนหนึ่ง
เมื่อถามถึงสหภาพแรงงาน ขสมก.ไม่เห็นด้วยตำรวจจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากม็อบยันรถเมล์เป็นทรัพย์สินขององค์การที่ได้มาจากภาษีของประชาชนพร้อมประกาศคัดค้านให้ถึงที่สุดหากนำไปใช้อีก รอง ผบช.น.ตอบว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการหารือกับผู้แทน ขสมก.เรียบร้อยแล้ว จริงๆแล้วการดำเนินการต่างๆครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ความเสียหายที่เกิดขึ้นมันจะเป็นพยานหลักฐานดำเนินดีกับผู้กระทำความผิด อย่างเช่นปี 51 มีการปิดสนามบินมีการฟ้องเรียกค่าเสียหาย 522 ล้าน ศาลฏีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยทั้งหมดชดใช้ และอีกคดีการวางเพลิงเผาทรัพย์อาคารพาณิชย์แยกราชปรารภ ฟ้องทั้งหมด 13 ราย ศาลพิพากษาให้แกนนำ 3 รายชดใช้ เพราะฉะนั้น ขสมก.ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าขสมก.จะวิ่งหรือตำรวจนำมาใช้ในราชการถ้ามีผู้หนึ่งผู้ใดมาทำให้เสียหายผู้กระทำต้องรับผิดชอบทั้งคดีแพ่งและดคีอาญา เพราะการที่จะนำรถเมล์มาใช้มีการประสานและหารือร่วมกันถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าในวันที่ 14 พ.ย.จะมีการทำพิธีเปิดสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสนามไชยซึ่งจะมีขบวนเสด็จ ตำรวจกังวลหรือไม่เพราะสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินและสถานที่ชุมนุมไท่ห่างกันเท่าใดนักมี่ความกังวลหรือไม่ เขาตอบว่า เรามีความพร้อมในการถวายอารักขาและดูแลประชาชนอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงการล้อมรถที่คาดว่าเป็นรถของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พ.ต.อ.กฤษณะ รองโฆษก ตร.ตอบว่า จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือไม่ก็แล้วแต่ แต่หลักการณ์แล้ว การที่จะไปล้อมรถในลักษณะนั้น ถ้ามีความเสียหายกับตัวรถก็ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ถ้ามีการใช้คำพูดด่าทอเข้าข่ายหมิ่นประมาท ถ้ามีการแจ้งความตำรวจก็ดำเนินการไปตามหน้าที่