พลตำรวจเอกสุขาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , พลตำรวจตรีจิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญการตำรวจนครบาล และ พลตำรวจตรีพงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 แถลงผลการกวาดล้างอาชญากรรม ตรวจค้น 13 จุด ในกรุงเทพมหานคร ของตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี , ตำรวจสืบสวนนครบาล 9 และหน่วยปฏิบัติการพิเศษอรินทราช 26 ในนั้นมีเป้าหมายคือ อาคารพาณิชย์ 5 ชั้น 7 คูหา ซอยเพชรเกษมซอย 44 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ ซึ่งบ้านของนายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ อายุ 28 ปี หรือ เสี่ยโป้ อยู่ด้วย เป้าหมายทั้ง 13 จุด มีฝ่ายของเสี่ยโป้ 10 จุด และฝ่ายคู่กรณีอีก 3 จุด ตามหมายจับ 7 หมาย ซึ่งเป็นหมายจับของฝ่ายเสี่ยโป้
การตรวจค้นครั้งนี้เป็นการขยายผลจากคดีร่วมกันพยายามฆ่า ที่พวกของเสี่ยโป้ยิงกับคู่กรณี เหตุเกิดในท้องที่ สน.ภาษีเจริญ เมื่อวันที่ 27 ต.ค ที่ผ่านมา
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จะนำอาวุธปืนที่ยึดได้ ไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อเทียบเคียงว่า เคยใช้ก่อเหตุในคดีนี้หรือไม่ นอกจากนี้ ตำรวจยังมีคลิปวีดีโอกล้องวงจรปิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่นำมาประกอบสำนวนคดีแล้ว ซึ่งในรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เชื่อว่า ทั้งสองกลุ่มที่ก่อเหตุ ต่างก็พกพาอาวุธปืนมาในวันเกิดเหตุด้วย
โดยตำรวจจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และคาดว่า จะออกหมายจับผู้ที่ร่วมก่อเหตุได้เพิ่มเติมอีกหลายคน พร้อมกันนี้ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะสำรวจจะดำเนินการไปตามพยานหลักฐานที่พบ
ขณะที่ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ตำรวจขอออกหมายจับผู้กระทำความผิดในกลุ่มของนายเสี่ยโป้ จำนวน 7 หมายจับในความผิดเกี่ยวกับคดีอาวุธปืนฯ และควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 3 คน และออกหมายค้นรวม 13 จุด โดยสามารถยึดของกลางอาวุธปืนเครื่องกระสุนและยาเสพติดได้หลายรายการ
ส่วนนายธนบดี คู่กรณีของนายเสี่ยโป้ตำรวจ ต้องเชิญตัวมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในคดีนี้ต่อไป
ขณะที่นายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทครั้งนี้ ต่างสมัครใจกันที่จะมาหาเรื่องที่ร้านสรี ต่างฝ่ายต่างมีปืน แต่ไม่ทราบว่าใครมีบ้าง แต่สุดท้ายไม่ว่าใครจะเจ็บ ก็มาร้องขอความเป็นธรรมกับสังคม ซึ่งตนก็ยินดีให้ความร่วมมือในการตรวจค้นของตำรวจ ยืนยันว่าตนเป็นคนธรรมดา ไม่ได้ใส่เสื้อเหลืองแล้วจะไม่โดนจับ ตอนนี้ยอมรับว่าชื่นใจขึ้น เพราะ พล.ต.อ.สุชาติ ธีรสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.มาคุมคดีเอง
นายเสี่ยโป้ กล่าวอีกว่า คดีความในฝั่งตนยังไม่มีหลักฐานมากพอจะแจ้งความกลับคู่กรณี เพราะไม่มีหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ยืนยันได้ว่าเพื่อนตนไม่ได้จ่อยิงคู่กรณีตามที่เขาให้ข่าวไปแน่นอน เพราะที่เกิดเหตุไม่มีคราบเลือด แต่มีคราบเลือดอยู่ริมถนน เชื่อว่ากล้องของทางหลวงจะต้องเห็นแน่นอน หากตำรวจจะมาค้นอีกก็มาเลย เพราะตนไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย และหากชนะคดีนี้ก็จะฟ้องกลับแน่ โดยจะให้นางศรันยา หวังสุขเจริญ หนือทนายนิด้าแจ้งความฐานหมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กับคู่กรณีที่เป็นผู้โพสต์ข้อความที่ทำให้ตนเองได้รับความเสียหาย