เมื่อเวลา 10.00 น เมื่อวันที่ 7 พ.ย.63 ที่ สภ.ด่านซ้าย จ.เลย พล.ต.ต.วรวัฒน์ มะลิ ผบก.ตร.ภ.จว.เลย พล.ต. บุญสิน พาดกลาง ผบ.พล.ร.3 / ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี นายชัยธวัช เนียมศิริ ผวจ.เลย /ผอ.รมน.จ.เลย พ.อ.สมหมาย บุษบา รอง ผบ.มทบ.28 / รอง ผอ.รมน.จ.เลย พ.อ.พิทักษ์พล ชูศรี ผบ.ฉก.ทพ.22 พ.ต.อ.วีรพันธ์ สมสุข ผกก.สภ.ด่านซ้าย และ พ.ต.อ.ภวินทร์ ภานุมาส ผกก.4 บก.สกส ตร.บช.ปส. แถลงข่าวตรวจยึดยาบ้า 8 ล้านเม็ด ริมแม่น้ำเหืองพรมแดนไทย-ลาว บ้านนาข่า ต.ปากหมัน อ.ด่านซ้าย จ.เลย
พล.ต.ต.วรวัฒน์ มะลิ ผบก.ตร.ภ.จว.เลย เปิดเผยว่า จากนโยบายการประกาศสงครามกับยาเสพติดของตำรวจภูธรภาค 4 ตำรวจภูธรจังหวัดเลย ได้บูรณาการร่วมกับ พลตรี บุญสิน พาดกลาง ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี พ.อ.พิทักษ์ชน ชูศรี ผบ.ทหารพรานที่ 22 จ.เลย จัดกำลังออกสืบสวนหาข่าวในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และได้รับแจ้งจาก ศอ.ปส.ภ.จว.เลย แจ้งเตือนข่าวข้อมูลการลักลอบขนยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบ
จนกระทั่งวันที่ 31 ต.ค. 63 เวลาประมาณ 19.30 น เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนร่วมกับทหารพราน สภ.ด่านซ้าย ได้ตรวจพบรถยนต์กระบะอีซูซุ สีดำ 1 คัน ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ได้ขับขี่มาตามถนนสายด่านซ้าย-ท่าลี่ จึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบผู้มากับรถเป็นชาย 5 คน ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดตาก แต่จากการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายจึงได้ปล่อยตัวไป ต่อมาวันที่ 2 พ.ย.63 เวลาประมาณ 00.30 เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบรถยนต์คันดังกล่าว ขับขี่วนเวียนอยู่ตามแนวชายแดนบนถนนสายด่านซ้าย-ท่าลี่ จึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบผู้มากับรถเป็นชาย 2 คน ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายจึงปล่อยตัวไป เจ้าหน้าที่ได้วิเคราะห์ข้อมูลแล้วเชื่อว่าบุคคลดังกล่าว น่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเป็นทีมงานขนถ่ายลำเลียงยาเสพติดออกนอกพื้นที่ และเชื่อว่ามียาเสพติดอยู่ในพื้นที่ พร้อมที่จะลำเลียงขนย้าย จึงได้จัดกำลังออกตรวจสอบตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งวันที่ 2 พ.ย.63 เวลาประมาณ 14.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ด่านซ้าย และทหารพรานที่ 2206 ร่วมกันออกปฏิบัติหน้าที่ ขณะออกตรวจสืบสวนถึงบริเวณที่ทิ้งขยะริมแม่น้ำเหือง ห่างจากบ้านนาข่าไปทางทิศตะวันออกประมาณ 2.3 กิโลเมตร ติดกับถนนสายด่านซ้าย-ท่าลี่ เขตบ้านนาข่าหมู่ 5 ต.ปากหมัน อ.ด่านซ้าย จ.เลย พบยาบ้าลักษณะกลมแบนสีส้มบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใหญ่สีดำจำนวน 40 ถุง รวม 8 ล้านเม็ด จึงได้ทำการตรวจยึดของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ. ด่านซ้าย เพื่อสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป