เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 พ.ย. ที่ บก.ปอท. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ณัฐไชยเฉลิม วงศ์ใหญ่ รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. พร้อมมอบหลักฐานให้เอาผิดกรณีนายจาตุรนต์ โพสต์ข้อมูลอันเป็นเท็จ บนเพจเฟซบุ๊กชื่อบัญชี Chaturon Chaisang
![](https://www.policetv.tv/wp-content/uploads/2020/11/S__28729348-562x1024.jpg)
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ตามที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ศึกษาธิการ และอดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ ได้โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก Chaturon Chaisang เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ในลักษณะตำหนิการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการอายัดตัวผู้ถูกกล่าวหาคือ ไมค์-เพนกวิน-รุ้ง ไปยัง สน.ประชาชื่นเพื่อลงบันทึกการจับกุมหลังได้รับการปล่อยตัวกรณีศาลยกคำร้องฝากขัง ซึ่งอาจเข้าข่ายนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ตาม พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
แม้ในเวลาต่อมาเพจดังกล่าว ได้มีการแก้ไขข้อความใหม่ โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อน แต่ทว่าโพสต์ดังกล่าวได้มีการก๊อปปี้ข้อความและแชร์ข้อความดังกล่าวออกไปเป็นจำนวนมากแล้ว และถึงอย่างไรก็เข้าข่าย “ความผิดสำเร็จ” ไปแล้วตามประมวลกฎหมายอาญา ม.63 ประกอบ ม.80 เพราะความผิดประเภทนี้ เป็นความผิดที่กฎหมายไม่ต้องการผลตามทฤษฎีการกระทำความผิดทางอาญา
![](https://www.policetv.tv/wp-content/uploads/2020/11/S__28737550-1024x576.jpg)
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงได้มาร้องเรียนกล่าวโทษต่อ บก.ปอท.เพื่อเจ้าของเพจมาสอบสวนตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในเวลาต่อมาเพจดังกล่าว ได้โพสต์เพิ่มเติมว่า…
“ผมโพสต์ความเห็นเกี่ยวกับการอายัดตัวไมค์กับเพนกวินไปเมื่อวาน ใช้คำว่าซ้อมจนสลบ ต่อมาก็ปรับเป็นทำให้สลบ แต่ก็ได้ยืนยันว่าได้ข้อมูลว่ามีการใช้กำลัง มีการล็อคคอและทำให้สลบ
เห็นข่าวไมค์ให้สัมภาษณ์เล่าว่าเกิดอะไรขึ้น ก็อยากเชิญชวนให้ท่านทั้งหลายช่วยวิเคราะห์ว่าตกลงแบบนี้เกิดอะไรขึ้นและควรจะเรียกว่าอะไร
แต่ที่สำคัญกว่านี้คือต้องถามว่าทำแบบนี้ก็ได้หรือ”
และอีกโพสต์ว่า…
“ตำรวจแถลงว่าจะดำเนินคดีกับผู้ที่นำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ กล่าวร้ายการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่จากกรณีอายัดตัวผู้ต้องหา
ต่อมาก็มีผู้อ้างว่าจะไปร้องเรียนกล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผมในเรื่องเดียวกันนี้
ก็อยากจะบอกกับเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ขอให้ได้รวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน โดยเฉพาะบันทึกวีดีโอผู้ต้องหาที่ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือมาจากในรถ บทสัมภาษณ์ของทั้งสองคนนี้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในการอายัดตัวและการเคลื่อนย้ายพวกเขาไปโรงพักและล่าสุดคือคำแถลงของโรงพยาบาลพระราม 9 เกี่ยวกับอาการของผู้ต้องหาทั้งสองคน
พยานหลักฐานเหล่านี้ คือสิ่งที่จะยืนยันได้ว่าการอายัดตัวและเคลื่อนย้ายผู้ต้องหาทั้งสองมีปัญหาอะไรบ้าง มีใครทำผิดกฎหมายวิธีพิจารณาอย่างไรหรือไม่ ถ้าความจริงได้ปรากฏต่อกลไกในระบบยุติธรรมและสาธารณชนแล้ว อย่างน้อยก็คงจะเป็นประโยชน์ในการที่จะป้องกันไม่ให้ตำรวจกระทำการใดๆ ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายอันเป็นการคุกคามประชาชนอย่างที่ได้ทำตลอดมาในช่วงหลายเดือนมานี้
ที่ผ่านมาได้มีการกระทำที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหลายครั้งหลายหน รวมทั้งไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองทั้งการตั้งข้อหาร้ายแรงเกินกว่าเหตุ การจับกุมผู้ต้องหาโดยไม่แสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ ไม่แจ้งข้อหา ไม่ให้ผู้ต้องหาได้มีโอกาสพบทนายหรือญาติ นำตัวผู้ต้องหาเดินทางโดยยานพาหนะที่เสี่ยงอันตรายทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความยินยอมของผู้ต้องหา การสลายการชุมนุมที่ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.การชุมนุม ที่ต้องใช้คำสั่งศาลและการสลายการชุมนุมด้วยการฉีดน้ำความดันสูงผสมสารเคมี ที่เป็นอันตรายต่อเด็กและเยาวชนที่ชุมนุมโดยสงบ จนมาครั้งหลังสุดก็ทำซ้ำๆ กับที่ผ่านมา และการอายัดตัวผู้ต้องหาและการเคลื่อนย้ายผู้ต้องหาในครั้งนี้มีผลทำให้ผู้ต้องหาต้องบาดเจ็บถึงขั้นสลบหมดสติและมีอาการทางสมองที่แพทย์ต้องติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด
สิ่งเหล่านี้เป็นการคุกคามประชาชนและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อนและอาจยั่วยุให้ผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรงเพื่อเป็นเหตุข้ออ้างในการปราบประชาชนได้